“อนุทิน-ศักดิ์สยาม” หารือกลุ่ม แอร์ เอเชีย เล็งปรับลดมาตรการ Test and Go

ผู้ชมทั้งหมด 482 

“อนุทิน-ศักดิ์สยาม” หารือ กลุ่ม แอร์ เอเชีย AOT และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พัฒนาอุตสาหกรรมการบิน เล็งปรับลดมาตรการ Test and Go และ Thailand Pass หวังกระตุ้นเดินทางอาเซียน หนุนเศรษฐกิจโต

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม หารือร่วมกับ นายโทนี่ เฟอร์นานเดส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มแคปปิตอล เอ (กลุ่ม แอร์ เอเชีย) โดยมีนายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม นายปริญญา แสงสุวรรณ อธิบดีกรมท่าอากาศยาน นายสุทธิพงษ์ คงพูล ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT นายทินกร ชูวงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด และคณะผู้บริหาร บริษัท ไทยแอร์เอเชีย จำกัด เข้าร่วมประชุม ในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2565 ณ ห้องประชุมกระทรวงคมนาคม 

นายอนุทิน ชาญวีรกูล กล่าวว่าทางรัฐบาลไทยยินดีรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนทั้งสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและสายการบินเพื่อวางแผนในการฟื้นฟูธุรกิจการท่องเที่ยวของประเทศไทย ให้กลับมาเป็นฟันเฟืองหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศอีกครั้ง ซึ่งรัฐบาลมีความมุ่งมั่นที่จะปรับปรุงกฎระเบียบแนวทางด้านมาตรการสาธารณสุขและการเดินทางระหว่างประเทศให้มีความสะดวกและลดภาระค่าใช้จ่ายในภาพรวมของนักท่องเที่ยวต่างประเทศโดยยังคงความปลอดภัยแก่คนไทยตามมาตรการทางสาธารณสุข

นายโทนี่ เฟอร์นานเดส กล่าวว่า แอร์เอเชีย มีความตั้งใจที่จะช่วยสนับสนุนและฟื้นฟูอุตสาหกรรมการบินในภูมิภาค ASEAN จากสถานการณ์ COVID-19 อีกครั้ง ซึ่งสายการบินต้องการผลักดันการลดข้อบังคับต่าง ๆ จากมาตรการ Test and Go และ Thailand Pass ซึ่งขณะนี้ยังมีค่าใช้จ่ายในภาพรวมที่ค่อนข้างสูงและเป็นภาระของนักท่องเที่ยวซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้นักท่องเที่ยวไม่ตัดสินใจเดินทางระหว่างประเทศ

โดย แอร์เอเชีย ยกถึงกรณีตัวอย่างในประเทศฟิลิปปินส์ที่ลดความยุ่งยากในการตรวจสอบมาตรการด้านสาธารณสุขลง ทำให้ค่าใช้จ่ายในการเดินทางลดลงและนักท่องเที่ยวตัดสินใจเดินทางไปท่องเที่ยวฟิลิปปินส์มากขึ้น รวมถึงแอร์เอเชียแสดงความจำนงที่จะเพิ่มเที่ยวบินในเส้นทางใหม่ ๆ ในรูปแบบ Direct Flight กับต่างประเทศ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในส่วนภูมิภาคและช่วยประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวเห็นถึงความสวยงามในสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ของประเทศไทย นอกจากนี้ยังมีแผนที่พัฒนาให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าทางอากาศของภูมิภาคอาเซียน

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมยินดีที่จะช่วยสนับสนุน เพื่อให้การเดินทางระหว่างประเทศมีความสะดวกมากขึ้นและพร้อมสนับสนุนการเปิดเส้นทางการบินใหม่อันจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ และมีความยินดีที่จะเปิดรับทุกสายการบินที่จะเข้ามาช่วยสนับสนุนการลงทุนเพื่อพัฒนาให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ทางอากาศของอาเซียนเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศให้เติบโตขึ้นอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนต่อไป

รวมถึงชักชวนให้ทางแอร์เอเชีย ลงทุนในเครื่องบิน ATR เพื่อเปิดธุรกิจเส้นทางการบินเชื่อมเมืองท่องเที่ยวและเมืองสำคัญต่าง ๆ ในมาเลเซีย กับ ท่าอากาศยานเบตง เพื่อนำไปสู่การเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาคใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และเชื่อมโยงการเดินทางไปยังภูมิภาคอื่นของประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมากระทรวงคมนาคมได้พบกับผู้บริหาร บริษัท ไทย เวียตเจ็ท แอร์ จอยท์ สต๊อก จำกัด เพื่อหารือเกี่ยวกับการพัฒนาเส้นทางการบินเส้นทางใหม่ ทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว เช่นกัน

ทั้งนี้ จากการรวบรวบข้อมูลของสำนักการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย พบว่า ระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2564 ถึงเดือนมกราคม 2565 เส้นทางการบินภายในประเทศที่มีผู้โดยสารใช้บริการสูงสุด อันดับ 1 คือ กรุงเทพฯ – เชียงใหม่ 923,714 คน อันดับ 2 คือ กรุงเทพฯ – ภูเก็ต 695,557 คน และอันดับ 3 คือ กรุงเทพฯ – หาดใหญ่ 474,152 คน เส้นทางการบินระหว่างประเทศที่มีผู้โดยสารใช้บริการสูงสุดอันดับ 1 คือ กรุงเทพฯ – ดูไบ 76,671 คน อันดับ 2 คือ กรุงเทพฯ – สิงคโปร์ 74,446 คน และอันดับ 3 คือ กรุงเทพฯ – โดฮา 72,008 คน

พร้อมกันนี้ยังได้ประมาณสถานการณ์แนวโน้มการฟื้นตัวของผู้โดยสารระหว่างประเทศไว้ 3 กรณี ได้แก่ กรณีดีที่สุด (Best Case) กรณีฐาน (Base Case) และกรณีเลวร้ายที่สุด (Worst Case) เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 โดยทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงดำเนินการตาม มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดฯ ของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้บริการ