ผู้ชมทั้งหมด 1,438
ไทยออยล์ ประเมินราคาน้ำมันดิบทรงตัวในระดับสูง จากความต้องการใช้น้ำมันแทนการใช้ก๊าซธรรมชาติและอุปทานที่เพิ่มขึ้นอย่างจำกัด ท่ามกลางความกังวลต่อการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ได้ประเมินราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้ (10 – 14 ม.ค. 65) มีแนวโน้มทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่อง โดย คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 76-81 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 79-84 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ซึ่งปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้มากจากปริมาณความต้องการใช้น้ำมันยังคงได้รับแรงหนุนจากราคาก๊าซธรรมชาติในยุโรปที่ยังคงทรงตัวในระดับสูงจากปัญหาการขนส่งก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียไปยังยุโรป ส่งผลให้หลายประเทศในยุโรปหันมาใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงเพื่อผลิตไฟฟ้าแทนการใช้ก๊าซธรรมชาติเพิ่มมากขึ้น
ตลาดจับตาสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน หลังองค์การอนามัยโลก (WHO) รายงานจำนวนยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวันทั่วโลกวันที่ 5 ม.ค. 65 ปรับเพิ่มขึ้นกว่า 2.2 ล้านราย ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มขึ้นกว่า 190% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของยอดผู้ติดเชื้อรายวันในเดือน ธ.ค. 64 ที่ 0.7 ล้านราย อย่างไรก็ตาม อัตราผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ต้องเข้ารักษาในอภิบาลผู้ป่วยหนัก (ICU) ของหลายประเทศยังคงอยู่ระดับต่ำกว่าการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในระลอกก่อนหน้านี้
กระทรวงพาณิชย์จีนประกาศโควตาการนำเข้าน้ำมันดิบจำนวน 109 ล้านตัน สำหรับโรงกลั่นเอกชน 42 ราย ในการประกาศโควตารอบแรกของปี 2565 ซึ่งโควตารอบแรกของปีนี้มีปริมาณน้อยกว่าโควตารอบแรกของปี 2564 อยู่ 11% โดยรัฐบาลจีนจัดสรรโควตาราว 40% ให้กับบริษัทรายใหญ่ 3 ราย มากกว่าโควต้าที่มอบให้กับโรงกลั่นขนาดเล็ก (Teapot) เพื่อพยายามควบคุมการหลีกเลี่ยงภาษีของกลุ่มโรงกลั่น Teapot และควบคุมปริมาณการปล่อยมลพิษของประเทศ
กลุ่มโอเปกและชาติพันธมิตร หรือกลุ่มโอเปกพลัส มีมติคงแผนเดิมในการปรับเพิ่มกำลังการผลิตสำหรับเดือน ก.พ. 65 ที่ 0.4 ล้านบาร์เรลต่อวันในการประชุมครั้งล่าสุดวันที่ 4 ม.ค. 65 เนื่องจากทางกลุ่มเห็นว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน อาจมีผลกระทบต่อตลาดน้ำมันในช่วงระยะสั้น ส่งผลให้ภาพรวมตลาดน้ำมันในช่วงไตรมาสที่ 1/65 ยังไม่เข้าสู่สภาวะเกินดุลมากนัก แม้ว่าจะมีการปรับเพิ่มกำลังการผลิตก็ตาม โดยทางกลุ่มจะมีการติดตามสถานการณ์ตลาดอย่างต่อเนื่องและการประชุมครั้งถัดไปจะจัดขึ้นในวันที่ 2 ก.พ. 65
อุปทานน้ำมันดิบจากกลุ่มโอเปกพลัส ยังคงมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นอย่างจำกัดเนื่องจากปัญหาการเพิ่มกำลังการผลิตของประเทศสมาชิก เนื่องจากกำลังการผลิตน้ำมันดิบจากลิเบียได้รับแรงกดดันจากความขัดแย้งประเด็นทางการเมืองในประเทศ ขณะที่กำลังการผลิตของเอกวาดอร์ในเดือน ธ.ค. 64 อยู่แค่ระดับ 0.08 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากระดับปกติที่ 0.47 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากปัญหาการกัดเซาะของท่อขนส่งน้ำมันดิบ นอกจากนี้การประชุมหารือเพื่อรื้อฟื้นข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านยังคงไม่มีความคืบหน้ามากนัก แม้ว่าจะมีการกลับมาประชุมระหว่างอิหร่านและชาติมหาอำนาจในสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ตาม
ด้านบริษัท เบเกอร์ ฮิวจ์ รายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค. 64 ทรงตัวอยู่ที่ระดับ 586 แท่น โดยจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติสหรัฐฯ ในปี 2564 เป็นการปรับเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 235 แท่น
ขณะที่สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานการคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เฉลี่ยในปี 2565 ประจำเดือน ธ.ค. 64 ลดลง 2% จากการคาดการณ์ในรอบก่อนหน้าในเดือน พ.ย. 64 จาก 73.31 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล สู่ระดับ 71.38 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล จากปัจจัยการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนในช่วงต้นปี 2565
ส่วนเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ปริมาณการนำเข้าและส่งออกสินค้าของจีน เดือน ธ.ค. 64 ดัชนีราคาผู้บริโภคจีน เดือน ธ.ค. 64 ดัชนียอดค้าปลีกสหรัฐฯ เดือน ธ.ค. 64