ผู้ชมทั้งหมด 799
GPSC ผลประกอบการโตแกร่ง ไตรมาส 3/63 กำไร 2,574 ลบ. เพิ่มขึ้น 36% จากไตรมาสก่อนหน้า หนุนผลงาน 9 เดือน ปี 63 กวาดกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 107% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน รับรู้ผลประโยชน์ Synergy ธุรกิจ GPSC-GLOW เต็ม 3 ไตรมาส เดินหน้าขยายลงทุน New S-Curve ธุรกิจไฟฟ้าแห่งอนาคต
นายชวลิต ทิพพาวนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC แกนนำนวัตกรรมธุรกิจไฟฟ้ากลุ่ม ปตท. เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2563 บริษัทฯ มีรายได้ 16,601 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 2,574 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2563 และเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิปรับตัวเพิ่มขึ้น จำนวน 1,681 ล้านบาท หรือ 188% ส่งผลให้การดำเนินงาน 9 เดือนของปี 2563 บริษัทฯ มีรายได้ 53,047 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10%
โดยในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ ถึงแม้ว่ารายได้จากการขายไฟฟ้าและไอน้ำจะลดลงตามราคาก๊าซธรรมชาติรวมถึงโรงไฟฟ้าเก็คโค่-วัน หยุดซ่อมบำรุง 8.5 วัน และโรงไฟฟ้าโกลว์ พลังงาน ระยะที่ 5 หยุดซ่อมแซม อย่างไรก็ตาม ด้วยการบริหารจัดการโรงไฟฟ้าและต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวลดลง ประกอบกับ บริษัทฯ รับรู้ส่วนแบ่งกำไรของโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรีมากขึ้น เนื่องจากเป็นช่วงฤดูฝน รวมถึงเงินปันผลรับจากบริษัท ราชบุรีเพาเวอร์ จำกัด ทำให้บริษัทฯ มีผลประกอบการที่ดีขึ้น
นอกจากนี้ปัจจัยหลักที่หนุนผลประกอบการงวด 9 เดือนปี 2563 ของบริษัทฯ ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง นอกเหนือจากที่ได้กล่าวข้างต้นแล้ว ยังมีผลมาจากการรับรู้รายได้ และกำไรของบริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (GLOW) เต็มทั้ง 9 เดือน ในขณะที่ในช่วงปี 2562 รับรู้รายได้จาก GLOW เพียง 18 วัน ในช่วงไตรมาส 1 และรับรู้เต็มไตรมาสในช่วงไตรมาส 2 และไตรมาส 3
“ผลการดำเนินงานทั้งในงวดไตรมาส 3 และงวด 9 เดือนของปีนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของ GPSC ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการ Synergy ระหว่าง GPSC และ GLOW ที่นอกจากจะสร้างผลประโยชน์ร่วมกันแล้ว ยังเสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีการพัฒนาธุรกิจที่สามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าได้เป็นอย่างดี ทั้งความต้องการใช้ไฟฟ้า ไอน้ำ และสาธารณูปโภค จึงสนับสนุนให้ผลการดำเนินงานเติบโตอย่างต่อเนื่องแม้ในภาวะวิกฤติ” นายชวลิตกล่าว
ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าขยายการลงทุนด้านนวัตกรรม เพื่อสร้างรายได้จากธุรกิจในรูปแบบใหม่ที่เป็น New S-Curve เพื่อการเติบโตในอนาคต โดยแผนการขยายการลงทุนในธุรกิจใหม่ดังกล่าว ประกอบด้วย (1) Battery Business การลงทุนโรงงานผลิตแบตเตอรี่ต้นแบบ Semi Solidกำลังการผลิตเฟสแรก
30 เมกะวัตต์-ชั่วโมง โดยคาดว่าจะได้ First battery cell ภายในเดือนธันวาคม 2563 ขณะนี้บริษัทฯ ได้มีการประสานงานกับหลายภาคส่วนในการทำตลาดทั้ง Mobility และ Stationary รองรับความต้องการใช้งานรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า (EV Bus) สถานีอัดประจุไฟฟ้า และการประยุกต์ใช้งานด้านอื่น ๆ เป็นต้น ก่อนที่จะพิจารณาขยายการลงทุนในเฟสต่อไป
(2) Energy Storage & System Integration การพัฒนาธุรกิจการเป็นผู้ให้บริการระบบกักเก็บพลังงานอัจฉริยะ (Smart Energy Storage System: ESS) ซึ่งใช้ในการควบคุมการจัดเก็บและการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบัน บริษัทฯ ได้ดำเนินการโครงการต่างๆ เช่น การร่วมมือกับ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC นำระบบ ESS ขนาด 1.5 เมกะวัตต์ชั่วโมง เพิ่มความมั่นคงและประสิทธิภาพของระบบไฟฟ้าที่ป้อนให้แก่อาคารสำนักงานและศูนย์นวัตกรรมและเทคโนโลยีของ PTTGC
จังหวัดระยอง โครงการนำร่องเมืองอัจฉริยะ หรือ “smart city” ให้กับสถาบันวิทยสิริเมธี (VISTEC) เพื่อพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ หรือ innovation platform รองรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย New S-Curve เป็นต้น และ(3) Smart Energy Management การศึกษา วิเคราะห์ คัดเลือกเทคโนโลยีในการบริหารจัดการพลังงานที่เหมาะสมกับตลาด New Energy เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ในอนาคต