ผู้ชมทั้งหมด 733
บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็กโก กรุ๊ป ได้รับรางวัลเกียรติคุณ “Sustainability Disclosure Award” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 จากเวทีมอบรางวัลการเปิดเผยข้อมูลความยั่งยืน ประจำปี 2564 ซึ่งจัดโดยสถาบันไทยพัฒน์ ตอกย้ำจุดยืนด้านการเปิดเผยข้อมูลความยั่งยืนอย่างโปร่งใส ตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ขององค์การสหประชาชาติ โดยมีนายอมรรัตน์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่สายบัญชี เอ็กโก กรุ๊ป เข้ารับรางวัล เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2564 ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร
นายอมรรัตน์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่สายบัญชี เอ็กโก กรุ๊ป เปิดเผยว่า เอ็กโก กรุ๊ป ยึดถือแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนตามกรอบ ESG (Environmental, Social, and Governance) ตลอดระยะเวลา 30 ปีในการดำเนินธุรกิจ เพื่อสร้างคุณค่าเพิ่มให้ผู้มีส่วนได้เสียอย่างรอบด้าน พร้อมตระหนักดีว่าการเปิดเผยข้อมูลความยั่งยืนอย่างโปร่งใส จะช่วยขับเคลื่อนให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงได้รับความไว้วางใจจากผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน เอ็กโก กรุ๊ป จึงเข้าเป็นสมาชิกประชาคมการเปิดเผยข้อมูลความยั่งยืน (Sustainability Disclosure Community: SDC) ที่สถาบันไทยพัฒน์จัดตั้งขึ้นในปี 2562 และรายงานข้อมูลความยั่งยืนต่อสาธารณชนอย่างโปร่งใส ครบถ้วน และมีมาตรฐาน เป็นประจำทุกปี
“เอ็กโก กรุ๊ป เผยแพร่รายงานความยั่งยืนประจำปีบนเว็บไซต์ของบริษัท เพื่อให้ผู้มีส่วนได้เสียสามารถตรวจสอบและติดตามการดำเนินงานได้อย่างโปร่งใส เท่าเทียม ทั่วถึง และต่อเนื่อง ซึ่งการได้รับรางวัลเกียรติคุณ Sustainability Disclosure Award ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเราในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนตามกรอบ ESG ด้วยการดูแลสิ่งแวดล้อมและร่วมพัฒนาชุมชนและสังคม ภายใต้หลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี”
ทั้งนี้ การมอบรางวัลการเปิดเผยข้อมูลความยั่งยืน ประจำปี 2564 จัดโดยสถาบันไทยพัฒน์ ซึ่งพิจารณาจากสถานะการเปิดเผยข้อมูลของบริษัทจดทะเบียนและองค์กรธุรกิจ ที่เป็นสมาชิก SDC จำนวน 125 องค์กร เพื่อสร้างความตระหนักเรื่องการเผยแพร่ข้อมูลการดำเนินงานที่ครอบคลุมด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม หรือ ESG ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียขององค์กร และการพัฒนาองค์กรสู่ความยั่งยืนใน ระยะยาว รวมทั้งการตอบสนองต่อ SDGs เป้าหมายที่ 12.6 “สนับสนุนให้บริษัทโดยเฉพาะบริษัทข้ามชาติและบริษัทขนาดใหญ่รับแนวปฏิบัติที่ยั่งยืนไปใช้และผนวกข้อมูลด้านความยั่งยืนลงในวงจรการรายงานของบริษัทเหล่านั้น” ร่วมกัน