ผู้ชมทั้งหมด 1,139
BAFS คาดปริมาณการเติมน้ำมันรวมทุกผลิตภัณฑ์ที่ให้บริการ ปี65 ฟื้นตัว โต 11% หลังโควิดคลี่คลายลง พร้อมเข้มแผนคุมค่าใช้จ่ายต่อเนื่อง รักษาเสถียรภาพเงินสด ลั่นพร้อมขยายธุรกิจตามแผนลงทุน 5ปี วงเงิน 1.4 หมื่นล้านบาท
หม่อมหลวงณัฐสิทธิ์ ดิศกุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS เปิดเผยในงาน Opportunity Day บริษัทจดทะเบียนพบผู้ลงทุน เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.2564 โดยระบุว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 4 ปีนี้ บริษัท คาดว่า ปริมาณการเติมน้ำมันอากาศยาน จะอยู่ที่ 1,772 ล้าลิตร ลดลง 25% จากปีก่อน ซึ่งคิดเป็นประมาณ 25% ของปริมาณการเติมน้ำมันอากาศยานในปี 62 หรือช่วงก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19
ขณะที่ ปี 2565 บริษัทคาดปริมาณการเติมน้ำมันอากาศยาน จะอยู่ที่ 3,994 ล้านลิตร เติบโตขึ้น 125% จากปีนี้ ซึ่งคิดเป็นประมาณ 65% ของปริมาณการเติมน้ำมันอากาศยานในปี 62 หรือช่วงก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19
ส่วนปริมาณการเติมน้ำมันรวมทุกผลิตภัณฑ์ที่ให้บริการในปี 2565 คาดว่า จะเติบโตขึ้น 11% จากปีนี้ หรืออยู่ที่ 4,200 ล้านลิตร ซึ่งคิดเป็นประมาณ 91% ของปริมาณการเติมน้ำมันอากาศยานในปี 62 หรือช่วงก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19 โดยประมาณการเติมน้ำมันคาดว่าได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้ไปแล้ว หลังสถานการณ์โควิด-19 เริ่มมีการคลี่คลาย และมีการจัดสรรวัคซีนได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก รวมถึงประชาชนทั่วไปก็เข้าถึงวัคซีนได้อย่างกว้างขวาง ขณะที่การเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวตั้งแต่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา จะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยว ทำให้คาดว่าในปีหน้าการบินจะกลับมาเติบโตได้
ความคืบหน้าธุรกิจไฟฟ้านั้น หากดูตามแผนการดำเนินงานช่วง 5 ปีของบริษัท ซึ่งอยากเห็นความมั่นคงด้านรายได้ คือ จะมีสัดส่วนรายได้มาจากธุรกิจหลักที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการบิน 50% และรายได้จากธุรกิจใหม่ๆ ทั้งโรงไฟฟ้า, การประกอบรถ, การให้บริการดิจิทัลโซลูชั่น ทั้งบล็อกเชน AI ต่างๆ อีก 50%
ดังนั้น ในปีหน้าก็มีแผนที่จะลงทุนธุรกิจให้ขยายตัวต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของ บริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด (FPT) ที่ทำเรื่องการขนส่งน้ำมันทางท่อ ,บริษัท บาฟส์ คลีน เอนเนอร์ยี่ คอร์เปอเรชั่น จำกัด (BAFS Clean Energy) ที่ทำเรื่องของธุรกิจพลังงานหมุนเวียน ซึ่งปัจจุบันก็อยู่ระหว่างการพิจารณาอยู่ และยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ แต่จะมีการลงทุนต่อเนื่อง หรือ อยู่ภายใต้งบลงทุน 5ปี วงเงิน 14,000 ล้านบาท
“เรื่องของ โอไมครอม หากภาครัฐมั่นใจว่ารับมือได้ แม้ว่าการระบาดอาจจะเร็วกว่า สายพันธุ์อื่นๆ แต่ผลการติดเชื้อถ้าไม่หนักกว่าสายพันธุ์อื่นๆ กลุ่ม BFAS เรายังมีมุมมองว่า การเดินทางระหว่างประเทศในช่วงสิ้นปีก็ยังจะดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง”
หม่อมหลวงณัฐสิทธิ์ กล่าวอีกว่า การเป็นผู้ผลิตรถเติมน้ำมันแบบ EV นั้น ปัจจุบัน บริษัทได้เซ็นต์สัญญากับบริษัทที่เป็นเจ้าของเทคโนโลยีเกี่ยวกับอุปกรณ์เติมน้ำมันอากาศยานที่ใช้ไฟฟ้า 100% จากในยุโรป ได้ให้เอกสิทธิ์บริษัท บาฟส์ อินเทค จำกัด (BAFS Intech Co.Itd.) หรือ BI ผู้ให้บริการออกแบบ ผลิตและประกอบรถเติมน้ำมันอากาศยานและระบบให้บริการน้ำมันอากาศยาน ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ BAFS จะเป็นผู้ผลิตและพัฒนาผลิตภัณฑ์ในสอดรับกับความต้องการของตลาดในประเทศไทยและอาเซียน เพื่อให้ไทยเป็นฐานการส่งออกผลิตภัณฑ์ที่เป็นรถเติมน้ำมันEV ไปยังประเทศเพื่อนบ้าน และขายให้กับบริษัทในเครือ BAFS ด้วย ส่วนจะใช้เงินลงทุนเท่าไหร่นั้น ยังไม่สามารถประเมินได้ เพราะขึ้นอยู่กับยอดคำสั่งซื้อที่จะเข้ามาในอนาคต
“การเข้ามาของกระแสรถ EV เกิดขึ้นแน่ แต่มองว่า การใช้จะอยู่ในกทม.และปริมณฑลเป็นหลัก ซึ่งในต่างจังหวัดยังต้องใช้เวลาในระยะยาว ฉะนั้น ระหว่างนี้คาดว่า ในระยะสั้นกระแสรถEV จะยังไม่มีผลกับปริมาณการเติมน้ำมันในแถบภาคเหนือ”
สำหรับกระแสเงินสดของบริษัท ณ 30 ก.ย.2564 มีเงินอยู่ที่ 659 ล้านบาท และยังมีวงเงินจากสถาบันการเงินอีก 1,200 ล้านบาท ซึ่งเชื่อมั่นว่าวงเงินระดับดังกล่าวจะช่วยให้บริษัทสามารถผ่านพ้นจากวิกฤติไปได้ ประกอบกับบริษัท ยังมีแผนรักษาเสถียรภาพเงินสดให้เพียงพอ การควบคุมค่าใช้จ่าย การะชะลอชำระดอกเบี้ย และการลดเงินของระดับผู้บริหาร 50% เป็นต้น