ผู้ชมทั้งหมด 1,203
“พลังงาน” รับลูก “นายกฯ” เร่งจัดทำแผนรับซื้อวัสดุเหลือใช้จากโรงสกัดปาล์ม บรรจุในโครงการรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ปี 2565 แย้ม อยู่ระหว่างพิจารณาความเหมาะสมระหว่าง โครงการโรงไฟฟ้าขยายผล กับ โรงไฟฟ้าชุมชน เฟส 2
สืบเนื่องจากการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) นอกสถานที่อย่างเป็นทางการ ณ จังหวัดกระบี่ เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มีการประชุมกับผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้แทนภาคเอกชน และผู้บริหารท้องถิ่น เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน (ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง สตูล) ณ ห้องประชุมโภคีธรา แกรนด์ บอลรูม โรงแรมโภคีธรา กอล์ฟ แอนด์ สปา รีสอร์ท อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่
โดยทางด้านการเกษตร ได้ขอรับการสนับสนุนเรื่องการพัฒนาอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันและยางพารากลุ่มจังหวัด ภาคใต้ฝั่งอันดามันทั้งระบบแบบยั่งยืน โดยให้สํานักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กําหนดนโยบายการรับซื้อไฟฟ้า โดยให้มีการรับซื้อไฟฟ้าจากวัสดุเหลือใช้จากโรงสกัดน้ํามันปาล์มมาเป็นพลังงานทางเลือกเป็นการเฉพาะ เช่น ทะลายปาล์ม กะลาปาล์ม ก๊าซชีวภาพจากน้ําเสีย เป็นต้น มาผลิตกระแสไฟฟ้า ซึ่งนายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังต่อไป
แหล่งข่าวกระทรวงพลังงาน ระบุว่า กระทรวงพลังงาน ได้มอบหมายให้ สนพ.เร่งดำเนินการตามคำสั่งดังกล่าว โดยอยู่ระหว่างศึกษาความเหมาะสมในการรับซื้อวัสดุเหลือใช้จากปาล์มน้ำมัน เพื่อนำไปเป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าว่า ควรบรรจุไว้ในโครงการผลิตไฟฟ้าประเภทใด เบื้องต้น ก็มีโครงการที่กระทรวงพลังงาน เตรียมเปิดรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในปี 2565 จำนวน 2 โครงการ คือ โครงการโรงไฟฟ้าชุมชนฯ ระยะที่ 2 และโครงการโรงไฟฟ้าขยายผล
“หากบรรจุลงในโครงการโรงไฟฟ้าขยายผล ก็คาดว่าจะประกาศหลักเกณฑ์ออกมาได้ภายในสิ้นปีนี้ เนื่องจากขณะนี้อยู่ระหว่างจัดทำรายละเอียดต่างๆ ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าชุมชน เฟส 2 อาจจะต้องรอประกาศหลักเกณฑ์ในปีนี้ เพราะยังต้องรอนโยบายอีกครั้ง”
ทั้งนี้ ในส่วนของโครงการโรงไฟฟ้าขยายผลนั้น เป็นการนำโควตารับซื้อไฟฟ้าที่เหลือมาจาก “โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในแบบ SPP Hybrid Firm ปี 2560” ที่ไม่สามารถลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า(PPA) ได้ตามกำหนด หรือมีปริมาณไฟฟ้ารวมทั้งสิ้น 140.27 เมกะวัตต์ ซึ่งกระทรวงพลังงาน กำลังพิจารณาจะนำโควตาในส่วนนี้มาเปิดรับซื้อปริมาณ 140 เมกะวัตต์
ขณะที่โครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก ระยะที่ 2 อยู่ระหว่างรอนโยบายว่าจะดำเนินการขับเคลื่อนโครงการต่อในรูปแบบใด หลังจากการกระชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อวันที่ 1 พ.ย. ที่ผ่านมา ได้เห็นชอบปรับลดสัดส่วนของโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนฯ ลงจากเดิมที่บรรจุไว้ให้แผน 1,933 เมกะวัตต์ ลงเหลือประมาณไม่ถึง 700 เมกะวัตต์ หรือลดลงไปประมาณ 1,200 เมกะวัตต์ โดยปัจจุบันโครงการโรงไฟฟ้าชุมชน นำร่อง มีการออกประกาศรับซื้อไฟฟ้าไปแล้ว 150 เมกะวัตต์ จึงจะมีการรับซื้อเพิ่มเติมได้อีกประมาณ 500 เมกะวัตต์ ดังนั้น จึงต้องรอการพิจารณารายละเอียดโครงการที่ชัดเจนอีกครั้ง
นอกจากนี้ การจะเปิดรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ยังต้องรอให้กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน(พพ.) พิจารณาอัตราเงินสนับสนุนตามต้นทุนที่แท้จริง(Fit) รวมถึงรูปแบบวิธีการรับซื้อไฟฟ้าที่เหมาะสมก่อน ซึ่งเบื้องต้นก็มีทั้งรูปแบบการประมูล และรูปแบบใครเสนอโครงการก่อนได้ก่อน ( first come first served) เพื่อให้เกิดความโปร่งใสมากที่สุด
อย่างไรก็ตาม หากกระทรวงพลังงาน จัดทำนโยบายเปิดรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเสร็จสิ้นแล้ว ก็จะเสนอให้คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) พิจารณาอนุมัติ ก่อนส่งเรื่องให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ดำเนินการออกประกาศรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าชีวมวลจากวัสดุเหลือใช้จากผลผลิตปาล์ม ตามคำสั่งนายกรัฐมนตรีต่อไป