ผู้ชมทั้งหมด 782
ITEL ไตรมาส 3/64 มีกำไร 63.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.56% ส่วนรายได้รวมอยู่ที่ 530.22 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 11.44% มั่นใจรายปี 64 โต 15-20% ล่าสุด Contract in Hand แน่น มีมูลค่าสูงถึง 4,148 ล้านบาท
นายณัฐนัย อนันตรัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ ITEL เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 3/2564 บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 530.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.44 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 475.78 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 63.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.77 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 27.56 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เพราะบริษัทฯ มีลูกค้าเพิ่มขึ้น และสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการบริหารได้ดี
โดยมีกำไรขั้นต้นจำนวน 132.33 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 5.96 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2563 บริษัทฯ มั่นใจทุกธุรกิจจะเติบโตต่อเนื่องในปี 2564 สนับสนุนรายได้ให้บริการโครงข่ายปีนี้เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ หลังบริษัทฯ มีงานเพิ่มขึ้น และมีการบริหารจัดการต้นทุนที่ดี โดยสัดส่วนรายได้ปีนี้มาจากการให้บริการโครงข่าย 63% การให้บริการติดตั้งโครงข่าย 33% และการให้บริการพื้นที่ดาต้า เซ็นเตอร์ 4% ควบคู่การให้ความสำคัญเรื่องกำไรสุทธิ
พร้อมกันนี้ในไตรมาส 3/2564 บริษัทมีรายได้จากงานบริการโครงข่ายใยแก้วนำแสงซึ่งถือเป็นรายได้หลักอยู่ที่ 328.77 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 63 ของรายได้จากการให้บริการ เทียบกับไตรมาส 3/2563 ที่มีรายได้ 284.49 ล้านบาท โดยมีปัจจัยมาจากที่ บริษัทฯ สามารถผลักดันรายได้จากลูกค้าที่เข้ามาใช้งานบริการโครงข่ายได้เพิ่มมากขึ้น และสามารถรักษาฐานลูกค้าในปีก่อนไว้ได้ อันเนื่องมาจากประสิทธิภาพ และเสถียรภาพของโครงข่าย ซึ่งเป็นการเติบโตตามปกติในทุกๆไตรมาส
ประกอบกับเป็นการให้บริการติดตั้งโครงข่าย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 33 หรือมีรายได้อยู่ที่ 170.26 ล้านบาท ขณะที่รายได้จากการให้บริการพื้นที่ดาต้า เซ็นเตอร์ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 4 ของรายได้จากการให้บริการ หรือมีรายได้จำนวน 19.99 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทฯ เตรียมเข้าเสนองานใหม่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะมุ่งเน้นเข้าร่วมงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ปัจจุบัน บริษัทฯ มีสัญญา ในมือ (Contract in Hand) อยู่แล้วทั้งสิ้น 4,148 ล้านบาท แบ่งเป็นงานให้บริการต่อเนื่อง (Recurring) จำนวน 2,684 ล้านบาท ได้แก่ งานให้บริการโครงข่าย 2,515 ล้านบาท และงานให้บริการดาต้า เซ็นเตอร์ 169 ล้านบาท และงานให้บริการไม่ต่อเนื่อง (Non-Recurring) คือ งานให้บริการติดตั้งโครงข่าย 1,464 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่จะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 728 ล้านบาท
นายณัฐนัย กล่าวอีกว่า ว่า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)ได้อนุมัติการย้ายหลักทรัพย์ ITEL เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 8 พฤศจิกายน 2564 ในกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยี หมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำหรับการย้ายเข้าซื้อขายใน SET ครั้งนี้ ถือเป็นการเพิ่มโอกาสให้นักลงทุนสถาบันและกองทุนเข้ามาถือหุ้น ซึ่งจะช่วยยกระดับบริษัท และเป็นการขยายฐานนักลงทุนให้กว้างขึ้น ส่งผลให้ราคาหุ้นสะท้อนมูลค่าได้สูงยิ่งขึ้น มีแหล่งเงินทุนและสภาพคล่องมากขึ้น รวมถึงการเพิ่มศักยภาพการต่อยอดและขยายงานทางธุรกิจในอนาคตให้เติบโต
พร้อมกันนี้ ITEL ยังทุ่มตั้งงบลงทุน ถึง 153 ล้านบาท มุ่งขยายธุรกิจ ควบคู่การบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพสอดคล้องเทรนด์เทคโนโลยี และรองรับการลงทุนในอนาคต โดยการซื้อ และรับโอนกิจการทั้งหมดระหว่างบริษัทฯ และบริษัท เวทเธอเรีย อี จำกัด (“เวทเธอเรีย อี”) รวมถึงการเข้าทำสัญญาโอนกิจการทั้งหมด สัญญาอื่นๆ และเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อ และรับโอนกิจการทั้งหมดดังกล่าว ซึ่งเข้าข่ายเป็นรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ของบริษัทฯ งานดังกล่าวเป็นการลงทุนของบริษัทฯ ทั้งหมด ดังนั้นผลตอบแทนที่ได้รับเป็นลักษณะรายได้เข้ามาเสริมแกร่งได้อย่างดี อีกทั้ง บริษัทฯ มีการวางแผนต่อยอดการให้บริการให้มีความหลากหลายอย่างครบวงจรมากขึ้นในอนาคต อย่างไรก็ตาม เพื่อรองรับธุรกิจในอนาคตและเพิ่มประสิทธิภาพทางการเงินเพื่อรองรับขีดความสามารถในการแข่งขัน
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติเห็นชอบให้กำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2565 ในวันพฤหัสบดีที่ 27 มกราคม 2565 ในรูปแบบการประชุมแบบระบบไฮบริด (Hybrid Meeting) โดยจัดการประชุม และถ่ายทอดสด ณ ห้องแกรนด์สุวรรณภูมิ ชั้น 7 อาคารอินเตอร์ลิ้งค์ เพื่อให้ผู้ถือหุ้นได้มีมติ อนุมัติมีการแก้ไขเพิ่มเติมหนังสือบริคณห์สนธิของบริษัทฯ ข้อ 4 เพื่อให้สอดคล้องกับการเพิ่มทุนจดทะเบียนพิจารณา และอนุมัติการซื้อ และการรับโอนกิจการทั้งหมดระหว่าง บริษัทฯ และบริษัท เวทเธอเรีย อี จำกัด (“เวทเธอเรีย อี”) รวมถึงการเข้าทำสัญญาโอนกิจการทั้งหมด สัญญาอื่นๆ และเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อ และรับโอนกิจการทั้งหมดดังกล่าว ซึ่งเข้าข่ายเป็นรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ของบริษัทฯ และเรื่องอื่นๆ อันจะนำไปสู่การเติบโต ต่อเนื่อง ยั่งยืน