ผู้ชมทั้งหมด 1,145
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ประเมินแนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้ (24 – 28 ต.ค. 65) คาดราคาน้ำมันดิบผันผวนในกรอบลดลง โดยราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 78 – 90 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 84 – 96 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
สำหรับปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อของอังกฤษเดือนก.ย. 65 แตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 40 ปี ที่ 10.1% เพิ่มขึ้นอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องจาก 9.9% ในเดือนส.ค. 65 เนื่องจากราคาอาหารและพลังงานที่ยังคงปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ธนาคารกลางอังกฤษจำเป็นต้องใช้นโยบายเข้มงวดทางการเงินโดยการขายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อชดเชยอัตราเงินเฟ้อหรือเรียกว่า TIPS หรือ Gilts เพื่อดึงเงินออกจากระบบเศรษฐกิจ ทำให้ตลาดกังวลว่าเศรษฐกิจในยุโรปและเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย และกดดันปริมาณความต้องการใช้น้ำมันโลก
นอกจากนี้ยังมีความกังวลเรื่องนโยบายปลอดโควิดของประเทศจีน โดยขณะนี้จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในเมืองเซี่ยงไฮ้เพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน ส่งผลให้จีนใช้นโยบายจำกัดการเดินทางในเมืองเซี่ยงไฮ้ และเมืองอื่นๆ ต่อเนื่อง โดยนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดี จีน ย้ำจุดยืนในการใช้นโยบายโควิดเป็นศูนย์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดในประเทศ ในการประชุมพรรคคอมมิวนิสต์ของจีนในวันที่ 16 ต.ค. 65 ที่ผ่านมา
ด้าน Energy Aspect คาดการณ์ปริมาณความต้องการใช้น้ำมันโลกเดือนพ.ย.-ธ.ค. 65 มีแนวโน้มปรับลดลงเฉลี่ยราว 0.45 ล้านบาร์เรลต่อวัน เมื่อเทียบกับการคาดการณ์ครั้งก่อนหน้า จากการแพรระบาดในจีนที่จำนวนผู้ติดเชื้ออาจมีแนวโน้มสูงขึ้นในช่วงฤดูหนาว
สำนักงานพลังงานสากลสหรัฐฯ (IEA) คาดการณ์ปริมาณความต้องการใช้น้ำมันโลกใน Q4’65 ปรับลดลง 340,000 บาร์เรลต่อวัน เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และความต้องการใช้ปี 2565 และ 2566 ปรับลดลง 60,000 และ 470,000 บาร์เรลต่อวันตามลำดับ เนื่องจากผลกระทบของภาวะเศรษฐกิจโลก ที่มีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะถดถอย รวมถึงการใช้นโยบายปลอดโควิดของจีน ส่งผลกดดันปริมาณความต้องการใช้น้ำมันโลก อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบได้แรงหนุนจากปริมาณความต้องการใช้ในช่วงฤดูหนาวที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น จากราคาแก๊สที่ยังทรงตัวในระดับสูง ส่งผลให้ผู้บริโภคมีแนวโน้มหันมาใช้น้ำมันแทนแก๊สธรรมชาติเพิ่มขึ้น (gas-to-oil switching)
ขณะที่สหรัฐฯ เตรียมแผนปล่อยน้ำมันจากคลังสำรองยุทธศาตร์ (SPR) อีกเกือบ 15 ล้านบาร์เรลในสิ้นปีนี้ จากทั้งหมด 180 ล้านบาร์เรล และกำลังพิจารณาแผนปล่อยอีกกว่า 25 ล้านบาร์เรลในปีหน้า เพื่อบรรเทาอุปทานตึงตัว และราคาน้ำมันที่ยังทรงตัวในระดับสูง หลังOPEC+ ปรับลดกำลังการผลิตครั้งใหญ่ในการประชุมที่ผ่านมา
FGE เดือนก.ย. 65 คาดการณ์รัสเซียเตรียมจัดหาเรือบรรทุกน้ำมันขนาดใหญ่กว่า 50 ลำหรือความจุมากกว่า 100 ล้านบาร์เรล เพื่อส่งออกน้ำมันในช่วงหลังของปี ซึ่งสอดคล้องกับที่ Rosneft บริษัทน้ำมันรายใหญ่ของรัสเซีย ได้เตรียมจัดหาเรือบรรทุกน้ำมัน รวมถึงจัดการด้านค่าขนส่งและค่าประกันภัยทางเรือ ในช่วงเข้าใกล้เส้นตายของยุโรปที่จะยุตินำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย เพื่อส่งออกไปยังประเทศคู่ค้ารายอื่นๆ ได้แก่ เอเชีย แอฟริกาและอเมริกาใต้ โดยเฉพาะจีนและอินเดียที่นำเข้าน้ำมันจากรัสเซียอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่สงครามรัสเซียยูเครน
เศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีภาคการผลิตและการบริการเบื้องต้นของยุโรปเดือนต.ค. 65 ที่ตลาดคาดการณ์มีแนวโน้มปรับลดลงจากเดือนก่อนหน้า และดัชนีภาคการผลิตและการบริการเบื้องต้นของสหรัฐฯ เดือนต.ค. 65
ขณะที่ตัวเลขทางเศรษฐกิจของจีน ได้แก่ ตัวเลข GDP ไตรมาส 3/65 และดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมและการบริการเดือน ก.ย. 65 ที่เลื่อนประกาศ เนื่องจากการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนที่จัดขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา