ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบสัปดาห์นี้68-75เหรียญฯ

ผู้ชมทั้งหมด 1,897 

ไทยออยล์ประเมินราคาน้ำมันดิบสัปดาห์นี้ทรงตัวในระดับสูง หลังอุปสงค์น้ำมันเติบโตต่อเนื่อง จากผู้ติดเชื้อโควิด-19 ลด และการฉีดวัคซีนเพิ่ม คาดน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวที่กรอบ 68-73 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 70-75 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ผู้สื่อข่าวรายว่า บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ประเมินทิศทางราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกในสัปดาห์นี้ (21-25 มิ.ย.64) ราคาน้ำมันดิบทรงตัวในระดับสูง โดยคาดน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวที่กรอบ 68-73 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 70-75 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หลังความต้องการใช้น้ำมันที่มีแนวโน้มฟื้นตัว จากตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลกปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง

โดยจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันทั่วโลกจากรายงานขององค์การอนามัยโลกล่าสุด ณ วันที่ 16 มิ.ย. 64 อยู่ที่ระดับประมาณสามแสนรายซึ่งปรับลดลงมากกว่า 50% เมื่อเทียบกับจุดสูงสุดที่ระดับประมาณ 8 แสนรายในเดือน เม.ย. – พ.ค. ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ทั่วโลกที่ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากรายงานของ Bloomberg ณ วันที่ 16 มิ.ย. 64 ระบุว่า มีการฉีดวัคซีนมากกว่า 2.47 พันล้านโดส ใน 180 ประเทศ ซึ่งอยู่ที่ระดับประมาณเฉลี่ย 35.7 ล้านโดสต่อวัน หรือคิดเป็น 16.1% ของจำนวนประชากรโลกที่ได้รับการฉีดวัคซีน ซึ่งคาดการณ์ว่าอีก 8 เดือนข้างหน้า ทั่วโลกจะมีผู้ฉีดวัคซีนที่ระดับ 75% ซึ่งจะทำให้ทั่วโลกเข้าสู่ภาวะภูมิคุ้มกันหมู่ หรือสถานการณ์ที่สัดส่วนของประชากรมีภูมิคุ้มกันมากพอจนเชื้อไวรัสไม่สามารถแพร่กระจาย หรือถูกส่งผ่านไปยังคนอื่นๆ ได้

อุปสงค์น้ำมันได้รับแรงหนุนจากตัวเลขผู้ใช้รถใช้ถนนในสหรัฐฯ และหลายประเทศในยุโรปฟื้นตัวกลับไปสู่ระดับก่อนการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 จากการผ่อนคลายมาตรการจำกัดการเดินทาง นอกจากนี้องค์การพลังงานสากล (IEA) คาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันโลกในรายงานประจำเดือน มิ.ย. 64 จะสามารถกลับไปสู่ระดับก่อนการแพร่ระบาดได้ในไตรมาส 4/65 ซึ่งเร็วขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้ในรายงานฉบับก่อนหน้าที่ปี 2566

ขณะที่การเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์ของอิหร่านและ 6 ประเทศมหาอำนาจยังคงไม่มีความคืบหน้า และช้ากว่ากำหนดการเดิมที่ตั้งไว้ว่าจะบรรลุข้อตกลงให้ได้ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีอิหร่านในวันที่ 18 มิ.ย. 64 ส่งผลให้อุปทานจากอิหร่านมีแนวโน้มกลับมาช้ากว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้

ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ปรับลดลงต่อเนื่อง หลังโรงกลั่นในสหรัฐฯ ปรับเพิ่มกำลังการผลิตสูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบ 18 เดือน เพื่อรองรับความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มขึ้น โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 11 มิ.ย. 64 ปรับตัวลดลง 7.4 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับลดลง 3.3 ล้านบาร์เรล

ส่วนปริมาณการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐฯ มีแนวโน้มสูงขึ้นจากจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบสหรัฐฯ ปรับเพิ่ม 6 แท่น สู่ 365 แท่นในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) คาดปริมาณการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐฯ จะปรับเพิ่มขึ้นสู่ 7.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในเดือน ก.ค. 64 แตะระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือน

สำหรับกรณีที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติเป็นเอกฉันท์ในการคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 0.00 – 0.25% จนถึงปี 2565 พร้อมทั้งยังคงมาตรการในการซื้อสินทรัพย์ตามาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) อย่างน้อย 1.2 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อเดือน นอกจากนี้ เฟดปรับเพิ่มคาดการณ์จีดีพีสหรัฐฯ ปี 2564 เป็น 7.5% จากระดับเดิมที่ 6.5% ก็เป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก

อย่างไรก็ตาม เฟดเริ่มมีการส่งสัญญาณการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2566 ซึ่งเร็วกว่าเดิมที่จะคงอัตราดอกเบี้ยต่ำไปจนถึงปี 2567 ขณะที่เศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ การตัดสินใจประกาศอัตราดอกเบี้ยธนาคารกลางจีน ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตยูโรโซน (PMI) เดือน มิ.ย. 64 และการประชุมคณะมนตรีสหภาพยุโรป