ผู้ชมทั้งหมด 524
ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น ทำให้หลายประเทศทั่วโลก ตระหนักถึงผลกระทบจากสภาวะโลกร้อนที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบันและจะรุนแรงมากขึ้นในอนาคต ขณะที่ รัฐบาลไทย ก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ เห็นได้จากการเข้าร่วมการประชุมผู้นำรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 26 หรือ COP 26 และกำหนดเป้าหมายลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี ค.ศ. 2065 – 2070 เพื่อร่วมมือรักษาอุณหภูมิโลกให้ไม่สูงขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียส
ภาคเอกชนไทย ถือเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญของประเทศที่จะเข้ามามีบทบาทช่วยผลักดันให้นโยบายของภาครัฐบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ ล่าสุด บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือSIRI ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของไทย ได้ตั้งเป้าหมายสูงสุดสู่การเป็นองค์กรที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์หรือ Net-Zero ให้ได้ภายในปี 2050 (พ.ศ.2593) ด้วยการเดินหน้าพัฒนา Net-zero Home ครั้งแรกของไทย ภายในปี 2050 จับเทรนด์เพื่อการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืน
อุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือSIRI ระบุว่า แสนสิริ มีแผนที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากการดำเนินธุรกิจโดยตรงของบริษัท (ขอบเขตที่ 1 และ 2) ให้ได้ 20% ภายในปี 2025 (พ.ศ.2568) และลดก๊าซเรือนกระจกของทั้งขอบเขตที่ 1, 2 และ 3 ให้อยู่ที่ 50% ในปี 2033 (พ.ศ. 2576)
โดยมีเป้าหมายสูงสุดสู่การเป็นองค์กรที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์หรือ Net-Zero ให้ได้ภายในปี 2050 (พ.ศ.2593) ผ่าน 3 กลยุทธ์ ได้แก่
กลยุทธ์ที่ 1: ก้าวสู่การเป็นองค์กรคาร์บอนต่ำ มุ่งประหยัดพลังงานและใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ยกระดับการการใช้นวัตกรรมเพื่อพลังงานสะอาดเป็น 100% ภายในปี 2025 (พ.ศ.2568) ผ่านการขยายแผนการติดตั้ง Solar Roof และ EV Charger ครบ 100% ให้กับบ้านแสนสิริทุกหลังทุกระดับราคา, ติดตั้ง Solar Roof ครบ 100% ในคลับเฮาส์ของทุกโครงการใหม่แสนสิริ, ติดตั้งระบบสูบน้ำและบำบัดน้ำเสียพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Water Treatment Pump) ในพื้นที่ส่วนกลางของทุกโครงการ, เปลี่ยนรถส่วนกลางของบริษัทให้เป็นรถ EV 100% และเปลี่ยนการใช้น้ำมันของเครื่องจักรทุกชนิดมาใช้พลังงานไบโอดีเซล 100%
กลยุทธ์ที่ 2: ออกนโยบายด้านธรรมาภิบาลเพื่อลดคาร์บอนตลอดห่วงโซ่คุณค่า ภายใต้การดำเนินการ 3G ได้แก่
• Green Procurement เลือกคู่ค้าที่ใส่ใจกระบวนการผลิตที่ยั่งยืน มีแผนลดการใช้พลังงานและน้ำทั้งในการผลิตและการใช้งานระยะยาว ใช้วัสดุในการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมทั้งลดการใช้ทรัพยากรและนำกลับมาใช้ใหม่ (Circular Economy) พร้อมวางเป้าหมายจัดซื้อวัสดุ Low-carbon ที่ได้รับการรับรองจากสถาบันที่เกี่ยวข้อง ในสัดส่วน 30% ของวัสดุที่ผ่านการจัดซื้อโดยแสนสิริ ภายในปี 2025 (พ.ศ.2568)
• Green Architecture & Design ออกแบบที่อยู่อาศัยเพื่อการใช้ชีวิตที่ยั่งยืน เช่น Cooliving Designed Home นวัตกรรมบ้านเย็นช่วยประหยัดพลังงาน, Zero Waste Design การออกแบบที่ลดการสิ้นเปลืองและลดปริมาณขยะให้มากที่สุด, Universal Design การออกแบบที่ครอบคลุมการใช้งานของผู้อยู่อาศัยทุกวัย รวมทั้งการผสมผสานแนวคิด Well-being ให้ความสำคัญสูงสุดด้านคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้อยู่อาศัย ทั้งความสะอาดปราศจากเชี้อโรค และครอบคลุมไปถึงการมีอากาศบริสุทธ์
• Green Construction การก่อสร้างและพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มีวัสดุเหลือใช้เป็นศูนย์ ตลอดจนใช้นวัตกรรมในการพัฒนาโครงการอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อย่นเวลาในการก่อสร้างให้มากที่สุดและก่อเกิด waste น้อยที่สุด
กลยุทธ์ที่ 3: การลงทุนในนวัตกรรมสีเขียว ลงทุนในบริษัทที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีพลังงานสะอาด และเทคโนโลยีการก่อสร้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้วยงบประมาณ 500 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันได้ลงทุนไปแล้ว 3 บริษัท คิดเป็นเงินลงทุนประมาณ 120 ล้านบาท
“การวางกลยุทธ์ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคครัวเรือนนั้นไม่ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงต่อสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่จะช่วยปรับพฤติกรรมและแนวคิดของผู้อยู่อาศัยให้เข้าใจและใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เมื่อผู้คนในที่อยู่อาศัยอันเป็นหน่วยเล็กๆในสังคมร่วมกันปรับพฤติกรรม ก็จะทำให้เกิดการขยายสู่พฤติกรรมการใช้พลังงานในที่ทำงานและสถานที่อื่นๆตามมา อันจะส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนและการแก้ปัญหาโลกร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพในที่สุด”
อย่างไรก็ตาม แสนสิริ วางแผนที่จะจับมือพันธมิตรกว่า 10 ราย ตั้งทีมวิจัยและพัฒนา (Research & Development Team) เพื่อพัฒนาบ้านที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net-Zero Home) ครั้งแรกของอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ไทยให้ได้ภายในปี 2050 (พ.ศ.2593) โดยมีบริษัท ชาร์จ แมเนจเม้นท์ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจเครื่องชาร์จรถพลังงานไฟฟ้าครบวงจร และ บริษัท ไอออน เอนเนอร์ยี่ จำกัด ผู้พัฒนาโซลูชั่นพลังงานโซลาร์ครบวงจรเป็นหนึ่งในพันธมิตร
โดยมีเป้าหมายระยะสั้นและระยะกลางที่จะพัฒนาบ้านประหยัดพลังงาน (Low-energy Home) ภายในปี 2023 (พ.ศ.2566) และบ้านที่ลดการปล่อยคาร์บอน 30% (Low-carbon Home) ภายในปี 2030 (พ.ศ.2573) ขณะนี้อยู่ในระหว่างการศึกษาวิจัยเทรนด์แห่งอนาคตและนวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืน อาทิ การใช้ AI ในการคำนวณการประหยัดพลังงานของที่อยู่อาศัย, การใช้ไฟเบอร์แทนเหล็กเส้นในการก่อสร้าง, การพัฒนานวัตกรรมการก่อสร้างแบบพรีคาสต์ให้ปลอ่ยคาร์บอนและของเสียเป็นศูนย์, หลังคาโซลาร์เซลส์ที่ผลิตไฟฟ้าได้มากขึ้นและมีแบตเตอร์รี่กักเก็บพลังงานไว้ใช้ในเวลากลางคืน, กระเบื้องลอนมุงหลังคาที่ผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์, การแลกเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ระหว่างครัวเรือน, สวนที่ใช้พลังงานไฟฟ้า 100% และนวัตกรรมของเครื่องชาร์จรถพลังงานไฟฟ้าแห่งอนาคต เป็นต้น
ทั้งนี้ จากข้อมูลของ Climate Watch Data พบว่าภาพรวมภาคธุรกิจในประเทศไทยที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุด คือ ภาคพลังงาน ซึ่งมีสัดส่วนมากที่สุดถึง 61.11% รองลงมาคือ ภาคอุตสาหกรรม 16.67% ตามด้วย ภาคการเกษตร 15.96% และ ภาคป่าไม้และการใช้ประโยชน์ที่ดิน 3.31%
ทั้งนี้ แม้ว่า ภาคอสังหาริมทรัพย์ จะไม่ใช่กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีสัดส่วนการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยตรงในปริมาณสูง แต่ห่วงโซ่คุณค่าของธุรกิจ(Value Chain) ก็เป็นส่วนหนึ่งในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอันเป็นสาเหตุของโลกร้อนเช่นกัน
โดย แสนสิริ มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกรวมทั้งสิ้น 229,486 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี อันมาจากการดำเนินธุรกิจโดยตรงของบริษัทเพียง 4,939.74 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปีหรือคิดเป็น 2.2% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดเท่านั้น แยกย่อยได้เป็นการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขอบเขตที่ 1 คือ การใช้น้ำมันในการดำเนินงานของแสนสิริ 0.2% และขอบเขตที่ 2 คือ การใช้น้ำมันและพลังงานในการดำเนินธุรกิจของบริษัทที่ 2% ในขณะที่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมที่มาจากห่วงโซ่คุณค่าตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ (Value Chain) อันเป็นขอบเขตที่ 3 ปล่อยก๊าซเรือนกระจกรวมที่ 224,547.24 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปีหรือ 97.8% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมด โดยตัวเลขนี้สามารถแยกย่อยได้เป็นการคาดการณ์การใช้ไฟฟ้าของลูกค้าในอีก 60 ปีถึง 55% การซื้อวัสดุก่อสร้างจากคู่ค้า 29% การขนส่งสินค้าของคู่ค้า 2% และอื่นๆ 14%
ดังนั้น หลังจากประกาศความมุ่งมั่นในการเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายแรกของไทยที่ตั้งเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net-zero) แสนสิริ ได้เดินหน้าสู่เป้าหมายในทุกรูปแบบเพื่อร่วมแก้ปัญหาเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ซึ่งเป็นเรื่องใกล้ตัวเรามากขึ้นทุกขณะ