ผู้ชมทั้งหมด 820
“ศักดิ์สยาม” เร่ง “เอสอาร์ที แอสเสท” ลุยพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์การรถไฟฯ หวังสร้างผลตอบแทนสูงถึง 1.25 แสนล้านภายในระยะเวลา 10 ปี
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยความคืบหน้าการจัดตั้งบริษัทลูกเพื่อบริหารทรัพย์สินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ว่า การรถไฟฯ กับบริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด เตรียมทำความตกลง โดยลงนามในบันทึกข้อตกลงหลักหรือธรรมนูญใหญ่ที่ใช้ในการดำเนินงานระหว่างกัน หรือที่เรียกว่า “Master Agreement” ในเร็วๆ นี้ โดยในข้อตกลงดังกล่าวจะมีการระบุให้บริษัท เอสอาร์ที แอสเสทฯ เป็นผู้ทำหน้าที่หลักในการบริหารทรัพย์สินของการรถไฟฯ รวมถึงการให้สิทธิในการบริหารอสังหาริมทรัพย์หรือที่ดินของการรถไฟฯ
การบริหารทรัพย์สินของการรถไฟฯที่ดำเนินการโดย บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จะมีการใช้วิธีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการบริหารใหม่ ทำให้บริษัทมีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น และมีการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ในยุคโลกาภิวัตน์ ซึ่งที่ผ่านมาทาง บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท ได้มีการดำเนินการเตรียมความพร้อม และการวางแผนการดำเนินงานให้แล้วเสร็จไปในหลายเรื่องๆ แล้วอย่างเป็นระบบ ไม่ว่าจะเป็นด้านกระบวนการทางกฎหมายได้มีการขอยกเว้นพระราชบัญญัติจัดซื้อจัดจ้าง ส่วนในด้านการบริหารจัดการ และทางด้านธุรกิจ ได้มีการวางแผนในการกำหนดการมอบสิทธิในการบริหารที่ดิน เพื่อให้ บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท เตรียมความพร้อมในการรับมอบสิทธิการบริการที่ดิน เป็นต้น
นอกจากนี้ ทาง บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท ยังได้มีการพิจารณาศึกษาแนวทางการบริหารโครงการใหญ่ๆ โดยมีดำเนินการในหลากหลายรูปแบบ ซึ่งไม่ได้ดำเนินการในรูปแบบการให้เช่าเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ทั้งนี้การดำเนินการในการบริหารสิทธิในที่ดินต่างๆ คาดว่าจะถูกทำให้เห็นเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนได้ภายในเดือนธันวาคม 2564 ซึ่งจากการวิเคราะห์ผลตอบแทนทางการเงิน คาดว่าเอสอาร์ที แอสเสทจะสามารถสร้างผลตอบแทนให้การรถไฟฯได้โดยมีมูลค่าสูงถึง 125,175.44 ล้านบาท ภายในระยะเวลาเพียง 10 ปี
นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ได้มอบนโยบายแก่การรถไฟฯ ให้เร่งดำเนินการพิจารณาพื้นที่ของการรถไฟฯ ที่มีขนาดแปลงใหญ่และมีศักยภาพในการพัฒนาเชิงพาณิชย์ เช่น พื้นที่บริเวณถนนพระราม 9 จากแยกคลองตัน และถนนรัชดาภิเษก จึงควรนำไปพิจารณาเพื่อสร้างรายได้เพิ่มเติม ทั้งนี้ ในระหว่างนี้ ให้เร่งนำพื้นที่แปลงขนาดกลางและขนาดเล็กมาเร่งพัฒนาให้เกิดรายได้ก่อน
นอกจากนี้ยังให้การรถไฟฯ เปรียบเทียบบริษัทลูกของบริษัท เอสอาร์ที แอสเสท กับบริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด เพิ่มเติม เพื่อสร้างความคล่องตัวและเสริมศักยภาพในการแข่งขัน ทั้งนี้ ให้ความสำคัญกับหลักธรรมาภิบาล พร้อมให้ความสำคัญกับการสรรหาผู้บริหาร รวมทั้งรายละเอียดของเงื่อนไขการจ้างให้มีความเป็นธรรมตามหลักธรรมาภิบาล
ขณะเดียวกันสถานีธนบุรี มีความสำคัญอยู่ติดกับโรงพยาบาลศิริราช มีระบบรถไฟฟ้าเชื่อมต่อถึง 3 สาย สามารถใช้เป็นต้นแบบการพัฒนาแบบ TOD ตามนโยบายของกระทรวงคมนาคม ดังนั้น ให้บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท ให้ความสำคัญกับการจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาแบบรอบด้าน และสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เข้ามาบูรณาการความร่วมมือด้วย และให้บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท เข้าไปพิจารณาความเหมาะสมของการพัฒนาพื้นที่แปลงศูนย์การแพทย์บริเวณสวนจตุจักรด้วย