ผู้ชมทั้งหมด 41
อินโนพาวเวอร์ ร่วมมือ อาร์ วี คอนเน็กซ์ พัฒนานวัตกรรมพลังงานและเทคโนโลยีขั้นสูง สร้างโอกาสธุรกิจใหม่ ในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล
บริษัท อินโนพาวเวอร์ จำกัด และ บริษัท อาร์ วี คอนเน็กซ์ จำกัด ได้ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่อพัฒนานวัตกรรมพลังงานและเทคโนโลยีขั้นสูง โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่และสนับสนุนการพัฒนาประเทศในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล
นายอธิป ตันติวรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินโนพาวเวอร์ จำกัด กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยผลักดันนวัตกรรมพลังงานที่ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับเป้าหมายของเราในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน อีกทั้ง เรายังสามารถนำเทคโนโลยี เช่น อากาศยานไร้คนขับ (UAV) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการโครงข่ายสายส่งไฟฟ้า เป็นการต่อยอดไปสู่การส่งมอบข้อมูลให้กับระบบส่งไฟฟ้า เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลสำหรับบริหารจัดการ ความโปร่งใส และความเชื่อมั่น นอกจากนี้ ความมั่นคงทางไซเบอร์ยังเป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญที่เรามุ่งเน้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของประเทศ
ความร่วมมือนี้ครอบคลุมโครงการสำคัญหลายด้าน ได้แก่ (1) การพัฒนาแพลตฟอร์มและเครื่องมือดิจิทัล เพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการและลดระดับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (2) การสำรวจและพัฒนาโอกาสการจัดการคาร์บอนเครดิตที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง (3) การสำรวจและพัฒนาโอกาสการเพิ่มความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือของโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล ผ่านการพัฒนาโซลูชันด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ (4) การสำรวจและพัฒนาโอกาสการการใช้เทคโนโลยีและระบบวิเคราะห์ภาพขั้นสูงในการสนับสนุนการดำเนินงานเชิงบูรณาการ และ (5) การสำรวจโอกาสเพิ่มเติมในการพัฒนานวัตกรรมพลังงานที่ตอบสนองความต้องการของทั้งภาคเอกชนและประเทศชาติ
รองศาสตราจารย์ ดร. สุเจตน์ จันทรังษ์ ประธานบริษัท อาร์ วี คอนเน็กซ์ กล่าวเสริมว่า ด้วยความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีขั้นสูง เรามั่นใจว่าความร่วมมือครั้งนี้จะนำไปสู่การพัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจและประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ภายใต้ข้อตกลงนี้ ทั้งสององค์กรจะผสานจุดแข็งและความสามารถเพื่อร่วมกันสร้างสรรค์นวัตกรรมและโซลูชันที่ตอบโจทย์ด้านพลังงาน พร้อมเป้าหมายร่วมในการพัฒนารูปแบบธุรกิจใหม่ สนับสนุนงานวิจัยและพัฒนานวัตกรรม ตลอดจนการแลกเปลี่ยนความรู้และทรัพยากร เพื่อสร้างความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในระดับชาติ สำหรับบันทึกข้อตกลงนี้จะมีระยะเวลา 3 ปี โดยทั้งสองฝ่ายจะทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อผลักดันให้โครงการต่าง ๆ บรรลุเป้าหมาย พร้อมสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม