“สุรพงษ์” สั่งขบ.ลดภาระค่าใช้จ่ายประชาชน เร่งMOU รฟท.บูรณาการเชื่อมขนส่งทางถนนสู่ราง

ผู้ชมทั้งหมด 649 

สุรพงษ์” สั่งขบ.ลดภาระค่าใช้จ่ายให้ประชาชน เพิ่มช่องทางการต่อใบอนุญาตขับรถออนไลน์ พร้อมจ่อตั้งคณะกรรมการแก้ปัญหาค่าโดยสารแท็กซี่ พร้อมให้ ขบ.ทำ MOU กับ รฟท.บูรณาการเชื่อมขนส่งทางถนนสู่ราง

เมื่อวันที่ 12 ต.ค. นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รมช.คมนาคม เปิดเผยภายหลังการมอบนโยบายให้กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) และตรวจเยี่ยมการดำเนินงานด้านความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน เพื่อกำกับดูแลการขนส่งผู้โดยสารและสินค้า ผ่านศูนย์บริหารจัดการเดินรถระบบ GPS และศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารและรับเรื่องร้องเรียน1584 และด้านการให้บริการประชาชนในกระบวนการออกใบอนุญาตขับรถว่า ตนมีนโยบายให้ ขบ.ลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนในการใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะ และเน้นความปลอดภัย โดยให้นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้ให้มากขึ้น รวมถึงให้ขบ.กำชับและควบคุมยานยนต์เรื่องมลพิษ และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 เป็นพิเศษด้วย

นายสุรพงษ์ กล่าวอีกว่า ตนยังมีนโยบายเร่งด่วนให้ ขบ.ขับเคลื่อนในระยะสั้น (ไม่เกิน3ปี) เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนที่ต้องเดินทางมาติดต่อราชการที่สำนักงานขนส่ง โดยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของภาครัฐในเรื่องการชำระภาษีรถประจำปีผ่านระบบออนไลน์มากขึ้น โดยไม่ต้องรอเครื่องหมายการเสียภาษี โดยสามารถใช้เครื่องหมายการเสียภาษีแบบอิเล็กทรอนิกส์กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ 67 ให้ประชาชน ที่จะเริ่มให้บริการได้ภายในเดือน ม.ค.67 คาดว่าจะมีประชาชนมาใช้บริการชำระภาษีรถประจำปีผ่านช่องทางออนไลน์ จำนวน 1ล้านคัน ส่วนการต่อใบอนุญาตขับรถให้ ขบ.พิจารณาเพิ่มช่องทางอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนเพิ่มเติม

นอกจากนี้ให้ ขบ.พิจารณาแนวทางส่งเสริมเรื่องใบอนุญาตขับรถให้สอดคล้องกับจำนวนรถที่จดทะเบียนในระบบ ที่มีอยู่จำนวน 44 ล้านคัน แต่มีจำนวนผู้มีใบอนุญาตขับรถเพียง 33 ล้านคนเท่านั้น ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน เนื่องจากยังมีวัยรุ่นส่วนหนึ่งที่นำรถออกมาขับแต่ไม่มีใบอนุญาตขับรถ

นายสุรพงษ์ กล่าวว่า สำหรับกรณีกลุ่มรถแท็กซี่ และรถจักยานยนต์ (จยย.) รับจ้าง ขอปรับขึ้นค่าโดยสารเนื่องจากมีราคาถูกกว่าเมื่อเทียบกับผู้ให้บริการรถสาธารณะรายใหญ่ อย่างบริษัท แกร็บแท็กซี่ (ประเทศไทย) จำกัด นั้น ได้สั่งการให้ ขบ. จัดตั้งคณะกรรมการขึ้น โดยมีทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด เนื่องจากมีข้อสังเกตว่า แกร็บมีราคาสูงแต่มีผู้ใช้บริการมากกว่า สะท้อนให้เห็นว่าประชาชนเลือกใช้รถสาธารณะเพราะเรื่องบริการมากกว่าเรื่องราคา ดังนั้น ขบ. ต้องใช้องค์ความรู้ที่มีในการจัดการให้สามารถอยู่ร่วมกันได้ และยืนยันว่า ยังเดินหน้าต่อเรื่องการจัดทำแอปพลิเคชั่น เพื่อเป็นทางเลือกของ ผู้ใช้บริการ

นายสุรพงษ์ กล่าวว่า  จากนี้ไปขบ. ยังต้องทำหน้าที่เป็น Feeder ในการขนส่งคน และสินค้าเชื่อมกับระบบราง โดยต้องไปลงนามบันทึกข้อตกลงความรวมมือ (MOU) กับการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เพื่อบูรณาการศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการสินค้าจากถนนไปสู่ราง ตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้การขนส่งสินค้าทางรางเป็นระบบขนส่งหลักเปรียบเสมือนกระดูกสันหลังใหญ่ในการขนส่งประเทศ

ด้าน นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดี ขบ. กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าโครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ จ.เชียงราย วงเงิน 2,851 ล้านบาท แบ่งงานก่อสร้างเป็น 2 ระยะ ระยะ (เฟส) ที่ 1 วงเงิน 1,300 ล้านบาท และระยะที่ 2 วงเงิน 636 ล้านบาท นั้นขณะนี้ เฟสที่ 1 ดำเนินการก่อสร้างเสร็จ และเปิดให้เอกชนเข้ามาเช่าพื้นที่แล้ว ส่วนเฟสที่ 2 จะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 68

ส่วนศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนม วงเงิน 1,361 ล้านบาท นั้นคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จปลายปี 67 และเปิดบริการได้ในปี 68 ทั้งนี้ ขบ. ยังอยู่ระหว่างการศึกษาโครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี คาดว่า จะสามารถนำเสนอ ครม. ได้ภายในต้นปี 67