ผู้ชมทั้งหมด 810
สำนักงาน กกพ. จัดทัพรับมือความเปลี่ยนแปลง วาง 3 เป้าหมายเร่งด่วนปี 65 พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานงานกำกับดูแล กิจการพลังงาน รองรับนโยบายการเพิ่มการแข่งขันของเอกชน และกระแส Go Green
นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) เปิดเผยว่าในปี 2565 สำนักงาน กกพ. วาง 3 เป้าหมายเร่งด่วน เพื่อขับเคลื่อนงานกำกับ ดูแลภาคพลังงาน ด้วยการ ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานงานกำกับดูแลกิจการพลังงานอย่างต่อเนื่องรองรับแนวโน้ม การเพิ่มการแข่งขันในภาคพลังงานโดยจะทยอยเพิ่มบทบาทภาคเอกชนในธุรกิจพลังงาน เพื่อมุ่งสู่การเปิดเสรี ภาคพลังงานไทยในอนาคต ทั้งยังสามารถดูแลการประกอบกิจการ การให้บริการ และดูความเป็นธรรมให้เกิดขี้นในภาคพลังงานไทยสามารถปรับตัวให้ทันต่อการ เปลี่ยนแปลงของภาคพลังงานระดับสากล
โดย เป้าหมายแรก เป็นการปรับโครงสร้างพื้นฐานในงานกำกับกิจการพลังงาน ทั้งไฟฟ้าและก๊าซธรรมชาติ จะอยู่บนพื้นฐานของการเปิดโอกาสให้บุคคลที่ 3 คือภาคเอกชน สามารถเข้ามา ร่วมใช้โครงสร้างพื้นฐานทั้งโครงข่ายพลังงานทั้งไฟฟ้า ก๊าซธรรมชาติ คลังเก็บก๊าซธรรมชาติ ซึ่งกำลัง อยู่ระหว่างศึกษาปรับปรุงหลักเกณฑ์ ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องและทยอยประกาศอย่างต่อเนื่อง
โดยมาตรการอื่นๆ ที่สำคัญ และยังอยู่ระหว่างการปรับปรุง ได้แก่ การวางแนวทาง จัดทำหลักเกณฑ์ ข้อกำหนดการเปิดให้ใช้หรือเชื่อมต่อระบบโครงข่ายไฟฟ้าให้แก่บุคคลที่สาม (Third Party Access Framework Guideline) เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้รับใบอนุญาตระบบส่งไฟฟ้าหรือ ผู้รับใบอนุญาตระบบจำหน่าย ไฟฟ้าไปดำเนินการจัดทำข้อกำหนดการเปิดให้ใช้หรือเชื่อมต่อระบบโครงข่ายไฟฟ้าให้แก่บุคคลที่สาม (TPA Code) และเปิดให้บริการรับส่งพลังงานไฟฟ้าแก่ผู้ประกอบกิจการไฟฟ้าที่สนใจ ภายใต้กรอบนโยบาย ต่อไป โดย Third Party Access Framework Guideline จะทยอยนำเข้าสู่การพิจารณาของ กกพ. อย่างต่อเนื่อง
เป้าหมายที่สอง คือ การปรับตัวเพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี และกระแสพลังงานสีเขียว (Go Green Energy) ได้แก่การสนับสนุนนโยบายรัฐบาล ในการผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และธุรกิจต่อเนื่องได้แก่สถานบริการประจุไฟฟ้า (EV Charging Station) ทางสำนักงาน กกพ. ได้ผลักดันมาตรการสนับสนุนการติดตั้งตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้าของยานยนต์ โดยการกำหนดอัตราค่าไฟฟ้าสำหรับสถานีอัดประจุไฟฟ้าของยานยนต์และยกเวันค่าDemand Charge ภายใต้เงื่อนไขการบริหารจัดการแบบ Low Priority หรือ การใช้ไฟฟ้าสำหรับ สถานีอัดประจุไฟฟ้ามีความสำคัญเป็นลำดับรอง เพื่อสนับสนุนการส่งเสริมตามแนวทางของรัฐบาล ในส่วนของมาตรการส่งเสริม EV Charging Station
ทั้งนี้ในด้านการกำกับดูแลคุณภาพ และมาตรฐานการให้บริการไฟฟ้า สำนักงาน กกพ. ได้ร่วมกับ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ยังร่วมกันจัดทำมาตรฐานการติดตั้ง ทางไฟฟ้าสำหรับจุดจ่ายไฟยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อการอัดประจุไฟฟ้า สำหรับประเภทบ้านอยู่อาศัย อาคารชุด อาคารสำนักงาน และสำหรับประเภทสถานีอัดประจุไฟฟ้า นอกจากนี้ หน่วยงานการไฟฟ้าได้ดำเนินการออกมาตรฐาน และความปลอดภัยในการประกอบกิจการพลังงาน มาตรฐานของอุปกรณ์ ที่ใช้เชื่อมต่อระบบโครงข่ายไฟฟ้ารวมทั้งข้อกำหนด การเชื่อมต่อระบบโครงข่ายไฟฟ้า ที่เกี่ยวข้องกับ EV Charging Station ภายใต้การกำกับดูแลของ กกพ.
โดยในช่วงการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีทางด้านพลังงาน (Energy Transition) สำนักงาน กกพ. ก็จะมุ่ง สนับสนุน ส่งเสริม และพัฒนาเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานหมุนเวียน ลดสัดส่วนการพึ่งพาเชื้อเพลิง ฟอสซิลนำเข้าให้สอดรับกับกระแสการพัฒนาพลังงานสะอาด และพลังงานสีเขียว อาทิ การพัฒนาระบบ การกักเก็บพลังงาน (ESS) เพื่อสร้างเสถียรภาพ และความมั่นคงทางพลังงาน การพัฒนาเทคโนโลยีพลังงาน ทดแทน (RE) และการส่งเสริมผู้ใช้ไฟฟ้าให้สามารถผลิตไฟฟ้าใช้เอง (Prosumerization)
อย่างไรก็ตาม เพื่อเปิดโอกาสให้ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาแนวทาง ปรับปรุงหลักเกณฑ์ให้มีความทันสมัย สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีด้านพลังงานระดับสากล สำนักงาน กกพ. จะได้เปิดรับสมัครผู้เข้าร่วมโครงการ ERC Sandbox ระยะที่ 2 ภายในเดือนเมษายน 2565 ซึ่งในการเปิดรับสมัครครั้งนี้จะมุ่งเน้นการทดสอบแพลตฟอร์มหรือนวัตกรรมที่รองรับการซื้อขายพลังงานทดแทนร่วมกับกลไกการส่งเสริมการลดก๊าซเรือนกระจกที่เกี่ยวข้อง เพื่อสนับสนุนนโยบายการกำกับ ดูแล กิจการพลังงานของ กกพ. ที่มุ่งเน้นการกำกับเชิงรุก แทนการกำกับดูแลตามหลังซึ่งไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลง
เป้าหมายที่สาม การกำกับ ดูแล ในมิติทางสังคม และการคุ้มครองผู้ใช้พลังงานในปี 2565 จะมุ่งยกระดับ และสร้างความเข้มข้นกับการสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมอย่างสร้างสรรค์ การศึกษา เพื่อปรับปรุงงานคุ้มครองผู้ใช้พลังงานอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ การยกระดับมาตรฐานสัญญาผู้ใช้ไฟฟ้ารายย่อย ผ่านคำประกาศสิทธิผู้ใช้บริหารไฟฟ้า เพื่อทราบถึงสิทธิและข้อปฏิบัติในการใช้บริการไฟฟ้า อันจะเป็นประโยชน์ในการปกป้องคุ้มครองผู้ใช้บริการไฟฟ้าให้ได้รับความเป็นธรรม อาทิ สิทธิการเข้าถึง ข้อมูลการใช้บริการไฟฟ้า สิทธิการได้รับบริการตามมาตรฐานและคุณภาพการให้บริการไฟฟ้า สิทธิการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการให้บริการไฟฟ้า และสิทธิการร้องเรียนปัญหาการใช้บริการไฟฟ้า
การขยายขอบเขตการคุ้มครองความปลอดภัยของผู้ใช้ไฟฟ้า ได้แก่ แนวทางปฏิบัติการดำเนินการ รับเรื่องร้องเรียนผลักดันให้มีการจัดระเบียบสายสื่อสารและอุปกรณ์โทรคมนาคมที่ติดตั้งบนเสาไฟฟ้า เพื่อลดความเสี่ยงจาก และอันตรายในพื้นที่สาธารณะ โดยมีสำนักงาน กกพ. ประจำเขต ทั้ง 13 เขตทั่วประเทศ เป็นเจ้าภาพหลักในการดูแล รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน ผู้ใช้พลังงาน รวมไปถึงการให้คำปรึกษา และให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับนโยบายการส่งเสริมการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนในภาคประชาชน อาทิ โครงการโซลาร์รูฟท๊อป ตลอดจนให้สำนักงาน กกพ. ประจำเขต เป็นสถานที่สำหรับรวบรวมขยะพลังงาน เพื่อนำไปกำจัดอย่างถูกวิธี อาทิ เช่นแผงโซลาร์เซลส์ชำรุด หรือหมดอายุ เป็นต้น
ส่วนบทบาทในการกำกับ ดูแล กองทุนพัฒนาไฟฟ้าในพื้นที่ประกาศ ตามมาตรา 97(3) เพื่อการพัฒนา หรือฟื้นฟูท้องถิ่นที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าก็ได้มีการกระจาย อำนาจในการพิจารณา จัดทำ และอนุมัติโครงการพัฒนาพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าสู่พื้นที่ พร้อมกับให้มีการต่อยอดกับโครงการ ในระบบงบประมาณของส่วนราชการในพื้นที่