ผู้ชมทั้งหมด 145
“สกนช.” ปรับลดเงินชดเชยราคา LPG ลงจาก 2.41 บาทต่อกิโลกรัม เหลือ 2.14 บาทต่อกิโลกรัม ไม่กระทบราคาขายปลีก ยังคงเดิมที่ 423 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม ถึงสิ้นเดือน มี.ค. 2568 พร้อมกำหนดให้โรงแยกก๊าซฯ ต้องส่งเงินเข้ากองทุนฯ 5.97 บาทต่อกิโลกรัม มีผลตั้งแต่ 18 มี.ค.2568 เป็นต้นไป ขณะที่บัญชี LPG ยังติดลบรวม 46,120 ล้านบาท
สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง(สกนช.) ได้เผยแพร่ประกาศฯ ที่มี นางไพลิน ฟุ้งเกียรติ ผู้อำนวยการสำนักการเงินและบัญชี และในฐานะรักษาการแทนผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นผู้ลงนาม เมื่อวันที่ 17 มี.ค. 2568 เรื่องประกาศ “การกำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุน อัตราเงินชดเชย อัตราเงินคืนจากกองทุน และอัตราเงินชดเชยคืนกองทุนสำหรับก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG)” โดยกำหนดเปลี่ยนแปลงเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ในบัญชี LPG ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 18 มี.ค. 2568 เป็นต้นไป
โดยเนื้อหาในประกาศฯ กำหนดให้โรงแยกก๊าซธรรมชาติ ส่งเงินเข้ากองทุนฯ สำหรับ LPG ที่ผลิตในประเทศเพื่อจำหน่ายเป็นเชื้อเพลิง ในอัตรา 5.9754 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งปรับลดลงจากเดิมที่กำหนดไว้ 6.2472 บาทต่อกิโลกรัม ทั้งนี้ ไม่รวมถึง LPG ที่ผลิตจากโรงแยกก๊าซฯของ บริษัท ปตท. สผ. สยาม จำกัด อ.ลานกระบือ จ.กำแพงเพชร และ LPG ที่ผลิตจากโรงแยกก๊าซฯ ของ บริษัท ยูเอซี โกลบอล จำกัด (มหาชน) อ.กงไกรลาศ จ. สุโขทัย
อย่างไรก็ตาม ให้ บริษัท ยูเอซี โกลบอลฯ ส่งเงินเข้ากองทุนฯ ในอัตรา 4.4273 บาทต่อกิโลกรัม ลดลงจากเดิมที่กำหนดให้ส่งเข้า 4.6991 บาทต่อกิโลกรัม
รวมถึง ปรับเงินชดเชยราคา LPG ลดลงเหลือ 2.1472 บาทต่อกิโลกรัม จากเดิมชดเชยอยู่ 2.4190 บาทต่อกิโลกรัม ทั้งนี้ไม่รวม LPG จากการแยกก๊าซฯ ที่ซื้อหรือได้จากรัฐ ผู้รับสัมปทาน หรือผู้รับสัญญาแบ่งปันผลผลิต (PSC) โดยโรงแยกก๊าซฯ ของ บริษัท ปตท. สผ.สยาม จำกัด โดยราคาขายปลีก LPG ยังคงเท่าเดิม 423 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม
พร้อมกำหนดเงินส่งเข้ากองทุนฯ สำหรับ LPG ที่ซื้อหรือได้มาจากโรงแยกก๊าซฯ ของ บริษัท ปตท. สผ. สยาม จำกัด ในอัตรา 4.6671 บาทต่อกิโลกรัม (เท่าเดิม)
ส่วนกรณี LPG ที่ได้รับอนุญาตให้ส่งออกไปต่างประเทศ ตาม พ.ร.บ.การค้าน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2543 และได้รับเงินชดเชยจากกองทุนฯ แล้ว ให้ส่งเงินชดเชยคืนกองทุนฯ 2.1472 บาทต่อกิโลกรัม ลดลงจากเดิมที่กำหนดให้ส่งเข้า 2.4190 บาทต่อกิโลกรัม
ด้านสถานะเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ล่าสุด 16 มี.ค.2568 พบว่า ติดลบรวม อยู่ที่ 62,396 ล้านบาท แบ่งเป็น บัญชีน้ำมัน ติดลบ 16,276 ล้านบาท และบัญชี LPG ติดลบ 46,120 ล้านบาท จากที่คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) กำหนดกรอบวงเงินสำหรับอุดหนุนราคา LPG ไว้ไม่เกิน 50,000 ล้านบาท

โดยปัจจุบัน พบว่า กองทุนฯ มีเงินไหลเข้าจาก LPG ลดลงเหลือ 20 ล้านบาทต่อวัน (ประมาณ 600 ล้านบาทต่อเดือน) จากเดิมมีรายได้เข้า 49.84 ล้านบาทต่อวัน (ประมาณ 1,495 ล้านบาทต่อเดือน) ขณะที่ราคา LPG โลกเดือน มี.ค. 2568 อยู่ระดับ 610 ดอลลาร์ฯต่อตัน