“ศักดิ์สยาม” ลั่น ทอท. พร้อมรองรับผู้โดยสารช่วงปีใหม่ – จีนเปิดประเทศ

ผู้ชมทั้งหมด 530 

“ศักดิ์สยาม” ตรวจความพร้อมสนามบินสุวรรณภูมิรองรับผู้โดยสารช่วงเทศกาลปีใหม่ – จีนเปิดประเทศ คาดปี 66 มีนักท่องเที่ยวจีนเดินประมาณ 7 – 10 ล้านคน สั่งการผู้ให้บริการภาคพื้นเร่งจัดสรรกำลังคนมาบริหารจัดการสัมภาระกระเป๋าให้รวดเร็วยิ่งขึ้น  

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวภายหลังตรวจเยี่ยมการเตรียมการรองรับผู้โดยสารช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566 และเตรียมความพร้อมกรณีสาธารณรัฐประชาชนจีนเปิดประเทศ และติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาการขนถ่ายกระเป๋าสัมภาระล่าช้าที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยระบุว่า ตามนโยบายรัฐบาล โดยพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในการให้บริการอำนวยความสะดวกประชาชนและนักท่องเที่ยวในการเดินทางเข้าและออกประเทศไทยให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งภายหลังจากที่ประเทศไทยเปิดประเทศเต็มรูปแบบ ส่งผลให้ปริมาณการเดินทางทางอากาศของประชาชนและนักท่องเที่ยวเข้าประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

โดยกระทรวงคมนาคมได้มอบนโยบายให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอำนวยความสะดวกผู้ใช้บริการท่าอากาศยานให้มีความสะดวกและรวดเร็ว ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงคมนาคมได้เร่งแก้ไขปัญหาความแออัดภายในท่าอากาศยาน รวมทั้งความล่าช้าของขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองและการขนถ่ายกระเป๋าสัมภาระอย่างเร่งด่วน ซึ่งจากการดำเนินการพบว่าขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองเป็นไปด้วยความรวดเร็วยิ่งขึ้น ท่าอากาศยานมีความพร้อมในการรองรับผู้โดยสารที่จะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งได้เพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่เพื่ออำนวยความสะดวกบริเวณพื้นที่ตรวจหนังสือเดินทางทั้งขาเข้าและขาออก เฉลี่ยอยู่ที่คนละ 4 นาที (นับตั้งแต่ผู้โดยสารเดินเข้าสู่พื้นที่รอคอยจนถึงการลงตรา)

สำหรับช่วงเวลาคับคั่งที่มีผู้โดยสารจำนวนมาก ผู้โดยสารจะใช้เวลารอคิวเพื่อตรวจหนังสือเดินทางเฉลี่ยคนละ 15 นาที รวมทั้งจัดระเบียบคิวผู้โดยสารที่รอรับบริการ ในส่วนของการให้บริการกระเป๋าสัมภาระผู้โดยสารได้ตรวจสอบระบบลำเลียงกระเป๋าสัมภาระให้มีความพร้อมในการรองรับปริมาณสัมภาระ พร้อมทั้งกำชับผู้ให้บริการภาคพื้นที่ให้บริการขนถ่ายสัมภาระผู้โดยสารทั้ง 2 ราย คือ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และ บริษัท บริการภาคพื้นการบินกรุงเทพเวิลด์ไวด์ไฟล์ทเซอร์วิส จำกัด ในการดำเนินการขนถ่ายสัมภาระให้ตรงตามเวลาที่กำหนด ปัจจุบันค่าเฉลี่ยเวลาในการลำเลียงกระเป๋าสัมภาระจากเครื่องบินจนถึงผู้โดยสาร First bag ใช้เวลาเฉลี่ย 27 นาที และ Last bag ใช้เวลาเฉลี่ย 44 นาที

ทั้งนี้ ระยะเวลาในการลำเลียงกระเป๋าสัมภาระในแต่ละเที่ยวบิน ขึ้นอยู่กับระยะทางของหลุมจอดอากาศยานกับจุดขนถ่ายสัมภาระ ซึ่งจากที่ผ่านมาพบว่าปัญหาความล่าช้าของกระเป๋าสัมภาระ ส่วนหนึ่งมาจากจำนวนเที่ยวบินล่าช้า (Flight Delay) รวมทั้งการขาดบุคลากรและอุปกรณ์ในการให้บริการภาคพื้น เนื่องจากช่วงของการแพร่ระบาดของโรค Covid-19 ผู้ประกอบการประสบปัญหาการขาดแรงงานที่มีทักษะ ซึ่งได้สั่งการให้ผู้ให้บริการภาคพื้นเร่งจัดสรรกำลังคนมาบริหารจัดการสัมภาระผู้โดยสารเป็นอันดับแรก โดยต้องมีบุคลากรให้เพียงพอและสอดคล้องกับปริมาณผู้โดยสารและเที่ยวบิน เพื่อไม่ให้เกิดความล่าช้าในการรับกระเป๋าสัมภาระ ทั้งในเที่ยวบินปกติและกรณีที่มีเที่ยวบินเพิ่มขึ้น 

สำหรับปัญหาการรอคิวใช้บริการรถแท็กซี่สาธารณะนานที่ผ่านมา ปัจจุบันท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยเพิ่มเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกและเปิดช่องทางแท็กซี่เพิ่มเพื่อให้รถแท็กซี่สามารถเข้ามารับผู้ใช้บริการได้เร็วขึ้น รวมทั้งขยายขยายพื้นที่รอคอยกดตั๋วแท็กซี่ และกำหนดจุดยืนรอคิวรับบริการแท็กซี่ เพื่อความเป็นระเบียบและลดความแออัดของผู้มาใช้บริการ ซึ่งทำให้ผู้โดยสารสามารถลดระยะเวลาการรอคิว เหลือเพียงประมาณ 10 นาทีต่อคน 

ทั้งนี้ช่วงเทศกาลปีใหม่ประจำปี 2566 ระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 2565 – 4 มกราคม 2566 คาดว่าจะมี ผู้โดยสารเดินทางผ่านทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานของ ทอท. ประมาณกว่า 2 ล้านคน หรือเฉลี่ยวันละ 3 แสนคน เพิ่มขึ้น 170% เมื่อเทียบกับช่วงปีใหม่ 2565 และเพิ่มขึ้น 108% เมื่อเทียบกับสงกรานต์ปีที่ผ่านมา ส่วนเที่ยวบินรวมมีกว่า 12,000 เที่ยวบิน เฉลี่ยวันละกว่า 1,700 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 87%  เมื่อเทียบกับช่วงปีใหม่ 2565 และเพิ่มขึ้น 40% เมื่อเทียบกับสงกรานต์ โดยเฉพาะท่าอากาศยานสุวรรณภูมิคาดว่าเที่ยวบินช่วงปีใหม่เติบโตกว่า 140% และผู้โดยสารเติบโต 260% จากปีใหม่ปีที่แล้ว

ขณะที่ท่าอากาศยานดอนเมืองและท่าอากาศยานภูเก็ตคาดว่ามีเที่ยวบินช่วงปีใหม่เติบโต 90% และ 80% ส่วนผู้โดยสารคาดว่าเติบโต 130% และ 170% ตามลำดับ ทั้งนี้ ได้มีการจัดตั้งศูนย์ Single Command Center เพื่อบริหารจัดการเรื่องความแออัดของผู้โดยสารที่มาใช้บริการผ่านกล้อง CCTV ตลอด 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะช่วงเวลา Peak Hour เพื่อให้การบริการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด 

ส่วนกรณีที่สาธารณรัฐประชาชนจีนจะยกเลิกข้อกำหนดการกักกันสำหรับผู้โดยสารทุกคนที่เดินทางมาจากนอกพรมแดนของประเทศ เตรียมเปิดประเทศตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2566 นั้น ทอท. คาดว่าตั้งแต่ช่วงก่อนปีใหม่จะเริ่มมีสายการบินทยอยแจ้งขอกลับมาทำการบินอีกครั้ง โดยเป็นการแจ้งล่วงหน้าก่อนวันหยุดปีใหม่เพื่อเตรียมเที่ยวบินให้พร้อมช่วงต้นเดือนมกราคม 2566 ที่จะเปิดประเทศ ซึ่งเบื้องต้นจะเป็นการกลับมาทำการบินที่กรุงเทพฯ เชียงใหม่และภูเก็ตก่อน รวมทั้งเที่ยวบินเช่าเหมาลำที่จะเข้ามาในช่วงเทศกาลตรุษจีนในช่วงกลางเดือน – ปลายเดือนมกราคม 2566 เช่นกัน ซึ่งคาดการณ์ในช่วงปีใหม่ต่อเนื่องตลอดมกราคม 2566 ผู้โดยสารจะเดินทางเฉลี่ยวันละประมาณ 310,000 – 340,000 คน จากปัจจุบันเดือนธันวาคม 2565 มีผู้ เดินทางเฉลี่ยวันละ 275,000 คน และเป็นผู้โดยสารของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเฉลี่ยวันละประมาณ 140,000 – 170,000 คน จากปัจจุบัน ธันวาคม 2565 มีผู้เดินทางเฉลี่ยวันละ 133,000 คน

ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าตลอดปี 2566 จะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางผ่านท่าอากาศยานของ ทอท. ประมาณ 7 – 10 ล้านคน จากเดิมที่ก่อนการแพร่ระบาดของโรค Covid-19 มีจำนวน 20.5 ล้านคน อย่างไรก็ตาม การที่เที่ยวบินจากสาธารณรัฐประชาชนจีนกลับเข้ามาทำการบินที่ประเทศไทยอย่างรวดเร็ว ได้กำชับให้ท่าอากาศยานต้องเตรียมการเรื่องการให้บริการของผู้ประกอบการภาคพื้น (ground handling) ให้พร้อม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาความล่าช้าหรือความไม่พร้อมในการให้บริการ รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเตรียมความพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวจีนในทุกด้าน สำหรับมาตรการในการรองรับการเดินทางของนักท่องเที่ยวจีนนั้น กระทรวงคมนาคมเตรียมหารือกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อกำหนดมาตรการทางสาธารณสุขในการรองรับการเดินทางของนักท่องเที่ยวจีนต่อไป

ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้มอบนโยบายให้ ทอท. ประสานงานกับผู้ประกอบการและพิจารณาแนวทางการให้บริการรถแท็กซี่สาธารณะให้ผู้ใช้บริการได้รับความสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น และประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการเพิ่มการให้บริการระบบขนส่งสาธารณะให้เพียงพอกับความต้องการของผู้ใช้บริการ รวมทั้งพิจารณานำรถขนส่งสาธารณะประเภทอื่น ๆ มาให้บริการเพิ่มเติมเพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ใช้บริการ สำหรับการบริหารจัดการกระเป๋าสัมภาระผู้โดยสารให้ ทอท. พิจารณาแนวทางการดำเนินการให้บริการร่วมกับผู้ประกอบการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยต้องสอดคล้องกับจำนวนผู้โดยสารและปริมาณเที่ยวบินทั้งขาเข้าและขาออก และเป็นไปตามระเบียบและกฎหมายอย่างถูกต้อง เพื่อให้สามารถบริหารจัดการแก้ไขปัญหาได้ทั้งระบบและมีขีดความสามารถรองรับจำนวนผู้โดยสารที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคตได้อย่างยั่งยืน