ผู้ชมทั้งหมด 669
“ศักดิ์สยาม” การันตีเอง! ทยอยเปิดเดินรถไฟฟ้าสายสีชมพู สถานีมีนบุรี-ศูนย์ราชการ ส่วนสายสีเหลือง สถานีภาวนา-สำโรง ทดลองนั่งฟรี ม.ค.-มี.ค.66 ชี้เป็นไปตามแผน ขณะค่าโดยสารต้องพิจารณาใหม่
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงคมนาคม และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้า โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ช่วงลาดพร้าว-สำโรง) ระยะทางทั้งสิ้น 30.4 กิโลเมตร รวม 23 สถานี และโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู (ช่วงเเคราย-มีนบุรี) ระยะทางทั้งสิ้น 34.5 กิโลเมตร รวม 30 สถานี โดยระบุว่า รถไฟฟ้าทั้ง 2 โครงการมีความก้าวหน้าในการก่อสร้างไปแล้วมากกว่าร้อยละ 90 ซึ่งเป็นไปตามแผนงานที่กำหนดไว้ ทั้งนี้คาดว่าในช่วงต้นปี 2566 (ม.ค.-มี.ค.) จะสามารถเริ่มทยอยเปิดให้ประชาชนทดลองใช้บริหารฟรี ได้ แบ่งเป็นสายสีเหลือง ช่วงสถานีถาวนา-สำโรง และสายสีชมพู ช่วงมีนบุรี – ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ จากนั้นจะสามารถเปิดให้บริการเต็มรูปแบบได้ภายในปี 2566
สำหรับการประเมินตัวเลขจำนวนผู้โดยสารนั้นในช่วงแรกคาดว่าจะมีผู้โดยสารมาใช้บริการประมาณ 190,000-200,000 คนต่อวันต่อสาย ขณะที่ความสามารถในการรองรับผู้โดยสารอยู่ที่ประมาณ 1 ล้านคนต่อวันต่อสาย ส่วนอัตราค่าโดยสารจากที่กำหนดไว้ 14-42 บาท ในปี 2559 คงต้องนำมาพิจารณาใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยในขณะนี้ทางรองปลัดกระทรวงคมนาคม รฟม. กรมการขนส่งทางราง และกลุ่มผู้ประกอบการที่ได้รับสัมปทานอยู่ระหว่างการพิจารณาอัตราค่าโดยสารใหม่ เพื่อให้สะท้อนความเป็นจริงในปัจจุบัน ซึ่งต้องนำเอาดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) มาพิจารณาอีกครั้ง
นอกจากเรื่องค่าโดยสารแล้วก็ต้องไปพิจารณาพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ เพื่อนำรายได้มาลดค่าโดยสารให้ประชาชน ซึ่งตนอยากให้มีราคาที่ถูกที่สุดอยู่แล้ว ส่วนค่าแรกเข้าในการเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ นั้น อยู่ระหว่างการเจรจา โดยขณะนี้กระทรวงคมนาคมได้ตั้งคณะทำงานเพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิดให้บริการทั้ง 2 สายแล้ว
“ค่าโดยสารจะต้องสะท้อนความเป็นจริงให้กับประชาชน แต่ภาคเอกชนที่เป็นผู้ลงทุนและได้รับสัมปทานระยะเวลา 30 ปีก็ต้องอยู่ได้ รฟม.ต้องไปอธิบายทำการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเห็นว่าที่มาที่ไปค่าโดยสารด้วย เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทั้งประชาชน ภาครัฐและเอกชน อย่างไรก็ตามโครงสร้างพื้นฐานของ รฟม. กระทรวงคมนาคมยังเป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ และยังเป็นการแก้ แก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดรวมถึงลดฝุ่น PM 2.5 ทั้งนี้ประชาชนจะต้องเรียนรู้ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เกิดขึ้น เพื่อนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันให้เกิดประโยชน์สูงสุด”นายศักดิ์สยาม กล่าว