ผู้ชมทั้งหมด 974
ราช กรุ๊ป ซื้อหุ้น FRD มูลค่า 1,789 ล้านบาท ส่งผลถือหุ้นทางอ้อม 47.89% โรงไฟฟ้าพลังน้ำอาซาฮาน1 ในอินโดนีเซีย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH ประสบความสำเร็จเพิ่มการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำอาซาฮาน1 กำลังการผลิต 180 เมกะวัตต์ ในอินโดนีเซีย โดยบริษัท อาร์เอช อินเตอร์เนชั่นแนล (สิงคโปร์) คอร์ปอเรชั่น จำกัด (“RHIS”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ได้เข้าซื้อหุ้นสามัญของบริษัท Fareast Renewable Development Pte. Ltd. (“FRD”) จำนวน 13,544,257 หุ้น (สัดส่วนร้อยละ 40) จากบริษัท Hydro Sumatra International Pte. Ltd. (“HSI”)
ทั้งสองบริษัทได้ลงนามสัญญาซื้อขายหุ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้วในวันนี้ มูลค่าการลงทุนประมาณ 54.31 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 1,789 ล้านบาท ธุรกรรมดังกล่าวเป็นการลงทุนเพิ่มจากเมื่อเดือนธันวาคม 2561 ซึ่งบริษัทฯ โดย RHIS ได้ซื้อหุ้น FRD ในสัดส่วนร้อยละ 50 ส่งผลให้สัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทฯ ใน FRD เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 90 และเข้าถือหุ้นทางอ้อมในโรงไฟฟ้าพลังน้ำอาซาฮาน1 ผ่าน FRD สัดส่วนร้อยละ 47.89
Fareast Renewable Development Pte. Ltd. หรือ FRD เป็นผู้ถือหุ้นร้อยละ 53.21 ในบริษัท PT Bajradaya Sentranusa (BDSN) ซึ่งเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ และดำเนินงานโรงไฟฟ้าพลังน้ำอาซาฮาน1 และยังมี PT Pembangkitan Jawa Bali (PJB) บริษัทในเครือของการไฟฟ้าอินโดนีเซีย ถือหุ้นสัดส่วนร้อยละ 36.61 บรรษัทการเงินระหว่างประเทศ หรือ IFC ร้อยละ 5 และผู้ถือหุ้นอื่นๆ ในส่วนที่เหลือ
นางสาวชูศรี เกียรติขจรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH เปิดเผยว่า การลงทุนใน FRD ครั้งนี้ ไม่เพียงตอบสนองจุดมุ่งหมายของบริษัทฯ ด้านการพัฒนากำลังการผลิตพลังงานทดแทนของบริษัทฯ เท่านั้น แต่ยังช่วยให้แผนการปรับโครงสร้างธุรกิจของกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมของ FRD สำเร็จด้วย ผลจากการลงทุนครั้งนี้ บริษัทฯ จะสามารถรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าอาซาฮาน1 เพิ่มขึ้นตามสัดส่วนการถือหุ้น ทั้งนี้ ในช่วง 9 เดือนแรกปี 2564 บริษัทฯ รับรู้รายได้ส่วนแบ่งกำไรจาก FRD เป็นเงิน 185.38 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 18 จากงวดเดียวกันของปีที่แล้ว
“บริษัทฯ ได้จัดเตรียมเงินลงทุนสำหรับธุรกรรมนี้ จากสินเชื่อส่งเสริมความยั่งยืนที่ได้บรรลุข้อตกลงกับบรรษัทการเงินระหว่างประเทศ (IFC) เมื่อต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ความสำเร็จครั้งนี้เป็นความพยายามของบริษัทฯ ที่จะพัฒนากำลังการผลิตด้านพลังงานทดแทนเพิ่มขึ้นให้ถึง 2,500 เมกะวัตต์ในปี 2568 และ 4,000 เมกะวัตต์ในปี 2573
โดยโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำเป็นหนึ่งในเป้าหมายนอกเหนือจากพลังงานลม แสงอาทิตย์ และชีวมวล ซึ่งเป็นแนวทางที่บริษัทฯ มุ่งมั่นดำเนินการเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก บรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก นอกจากประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อมแล้ว โครงการอาซาฮาน1 ยังช่วยเสริมความมั่นคงระบบไฟฟ้าในจังหวัดสุมาตราเหนือ ส่งผลให้อัตราการเข้าถึงไฟฟ้าของประชาชนในจังหวัดสุมาตราเหนือเพิ่มขึ้น เสริมส่งคุณภาพชีวิตของประชาชนและสังคมดีขึ้นด้วย” นางสาวชูศรี กล่าว
โครงการอาซาฮาน1 เป็นโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำแบบน้ำไหลผ่านตลอดปี กำลังการผลิต 180 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่บนแม่น้ำอาซาฮาน ในจังหวัดสุมาตราเหนือ โรงไฟฟ้าแห่งนี้ผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์เมื่อเดือนมกราคม 2554 โดยไฟฟ้าที่ผลิตได้ประมาณปีละ 1,175 กิกะวัตต์ชั่วโมง จำหน่ายให้กับการไฟฟ้าอินโดนีเซีย ภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว (ปี 2554-2583) ภายหลังการลงทุน บริษัทฯ จะรับรู้กำลังการผลิตจากโรงไฟฟ้าแห่งนี้ 86.20 เมกะวัตต์ และกำลังการผลิตพลังงานทดแทนของบริษัทฯ รวมเพิ่มขึ้นเป็น 1,345.51 เมกะวัตต์ คิดเป็นร้อยละ 16.3 ของกำลังการผลิตตามสัดส่วนการลงทุนรวม
เมื่อเร็วๆ นี้ โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำอาซาฮาน1 ได้รับรางวัล “Renewable Energy Deal of the Year” ประเภทโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ จาก The Asset Triple A Infrastructure Awards 2021 อันเป็นผลจากความสำเร็จในการจัดหาเงินกู้ที่มีบรรษัทการเงินระหว่างประเทศ หรือ IFC เป็นผู้จัดการเงินกู้และให้กู้ร่วม โรงไฟฟ้าแห่งนี้ถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานทดแทน ที่ช่วยเสริมให้ระบบไฟฟ้าของจังหวัดสุมาตราเหนือมีความมั่นคงมากขึ้น และยังช่วยลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ