ผู้ชมทั้งหมด 609
ไทยออยล์ ชี้ราคาน้ำมันดิบสัปดาห์นี้ทรงตัว เหตุตลาดจับมาตรการผ่อนคลายการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ของจีน และสถานการณ์พายุหิมะในสหรัฐฯ ท่ามกลางการซื้อขายที่เบาบางก่อนปีใหม่ คาด เวสต์เท็กซัส เคลื่อนไหวที่กรอบ 74-84 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ เคลื่อนไหวที่กรอบ 78-88 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP เปิดเผยบทวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมันประจำสัปดาห์ ระหว่างวันที่ 26 – 30 ธ.ค. 65 พบว่า ราคาน้ำมันดิบทรงตัว หลังจีนเริ่มมีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ปริมาณความต้องการใช้น้ำมันภายในประเทศปรับตัวดีขึ้น ขณะที่ตลาดมีแนวโน้มได้รับแรงหนุนจากปริมาณความต้องการใช้น้ำมันสำหรับเป็นเชื้อเพลิงเพื่อผลิตไฟฟ้าแทนการใช้ก๊าซธรรมชาติ เนื่องจากอุณหภูมิในภูมิภาคปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตาม ตลาดยังจับตาสถานการณ์พายุหิมะในสหรัฐฯ ที่อาจกระทบอุปสงค์ในสหรัฐฯ ทำให้มีแนวโน้มปรับตัวลดลงจากการขับขี่ที่ลดลงในช่วงฤดูหนาว ขณะที่การซื้อขายในตลาดคาดว่าจะมีอยู่เบาบางในช่วงวันหยุดเทศกาลคริสมาสต์
สำหรับปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้ ประกอบด้วย
- จีนทยอยผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ในพื้นที่ต่างๆ มากขึ้น อาทิ ในกรุงปักกิ่ง, เฉิงตู, เทียนจิน และเซินเจิ้นซึ่งรวมไปถึงการอนุญาตให้ผู้ป่วยที่มีอาการน้อยกักตัวที่บ้าน และงดตรวจหาเชื้อสำหรับผู้เดินทางในประเทศ การผ่อนคลายมาตรการต่างๆ คาดว่าจะส่งผลให้ปริมาณความต้องการใช้น้ำมันมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น อย่างไรก็ดี ยังคงต้องจับตาสถานการณ์การแพร่ระบาดใกล้ชิด โดยล่าสุดสำนักงานสุขภาพแห่งชาติของจีน (NHC) รายงานจำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 วันที่ 20 ธ.ค.ที่ 5 ราย ขณะที่จำนวนยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่อยู่ที่ระดับ 2,800 ราย ซึ่งทางการจีนมองว่าการประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดยังทำได้ยาก เนื่องจากไม่สามารถทราบตัวเลขผู้ติดเชื้อที่แท้จริงได้
- ปริมาณความต้องการใช้น้ำมันในภูมิภาคเอเชียมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูหนาวนี้ หลังอุณหภูมิในภูมิภาคเอเชียปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในญี่ปุ่น ซึ่งสำนักพยากรณ์อากาศคาดว่าอุณหภูมิเฉลี่ยในช่วงวันที่ 28 ธ.ค. 65 – 1 ม.ค. 66 จะต่ำกว่าค่าเฉลี่ยราว 33 % อย่างไรก็ตาม การขับขี่บนท้องถนนในเทศกาลวันหยุดยาวในสหรัฐฯ อาจได้ระบผลกระทบจากสถานการณ์พายุหิมะ หลัง National Weather Service ของสหรัฐฯ พยากรณ์ว่าพื้นที่ในแถบ Midwest และ Plains มีแนวโน้มเผชิญกับสภาพอากาศที่หนาวเย็นที่สุดในรอบ 40 ปี
- ธนาคารโลก (World Bank) ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจจีน (GDP) ปีนี้ มาอยู่ที่ระดับ 2.7 % จากคาดการณ์ครั้งก่อนหน้าที่ระดับ 4.3 % และปีหน้า ลง 3.8 % มาอยู่ที่ระดับ 4.3% จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจของจีนที่มีแนวโน้มเผชิญกับผลกระทบจากปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ประกอบกับวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ในประเทศ อย่างไรก็ตาม ธนาคารประชาชนจีน (PBOC) กล่าวว่า PBOC พร้อมใช้นโยบายทางการเงินที่จำเป็นเพื่อรักษาเสถียรภาพการเติบโตของเศรษฐกิจในปีหน้า
- ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีมติปรับนโนบาย Yield Curve Control (YCC) โดยขยายกรอบอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวจากระดับ -0.25% ถึง +0.25% สู่ระดับ -0.5% ถึง +0.5% ในการประชุมวันที่ 20 ธ.ค. ที่ผ่านมา โดยการปรับมาตรการนี้จะส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินของภาคธุรกิจมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งอาจทำให้เศรษฐกิจและปริมาณความต้องการใช้น้ำมันในประเทศมีแนวโน้มชะลอตัวลง ขณะที่ตลาดคาดว่าการออกนโยบายนี้เป็นการแสดงท่าทีชัดเจนว่า BOJ กำลังเปลี่ยนท่าทีไปสู่การดำเนินนโยบายทางการเงินแบบตึงตัวเช่นเดียวกับธนาคารกลางอื่น ๆ ทั่วโลก แม้ว่า BOJ จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ -0.1 % ในการประชุมครั้งล่าสุด
- ตลาดคาดการณ์ว่าท่อส่งน้ำมัน Keystone จะสามารถกลับมาส่งออกน้ำมันที่ระดับปกติในวันที่ 29 ธ.ค. 65 หลังหยุดดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 7 ธ.ค. 65 ที่ผ่านมา เนื่องจากเหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วกว่า 14,000 บาร์เรล การกลับมาส่งออกอีกครั้งส่งผลให้ตลาดผ่อนคลายกังวลต่อภาวะอุปทานตึงตัว
- เศรษฐกิจน่าติดตามในสัปดาห์นี้ คือ ตัวเลขทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่น ได้แก่ อัตราการว่างงานและผลผลิตภาคอุตสาหกรรมญี่ปุ่น เดือน พ.ย. 65
ทั้งนี้ ไทยออยล์ คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 74-84 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 78-88 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ส่วนสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา ระหว่างวันที่ 19 ธ.ค. – 23 ธ.ค. 65 พบว่า ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับเพิ่มขึ้น 4.37 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 79.56 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เช่นเดียวกันกับราคาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ปรับเพิ่มขึ้น 4.12 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 83.92 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 77.95 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หลังสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานสต๊อกน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 16 ธ.ค. 65 ปรับลดลง 5.9 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 418.2 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะปรับลดลงเพียง 1.7 ล้านบาร์เรล อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากสภาพอากาศที่เย็นจัดในสหรัฐฯ ส่งผลให้การเดินทางในช่วงเทศกาลวันหยุดยาวมีแนวโน้มปรับตัวลดลง