ราคาน้ำมันดิบสัปดาห์นี้อาจผันผวน จากเหตุขัดแย้งในตะวันกลางและยุโรปตะวันออก

ผู้ชมทั้งหมด 570 

ไทยออยล์ ชี้ ราคาน้ำมันดิบสัปดาห์นี้มีแนวโน้มผันผวนจากความไม่แน่นอนของปัญหาความขัดแย้งในตะวันกลาง และยุโรปตะวันออกที่ดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง คาดเวสต์เท็กซัส เคลื่อนไหวที่กรอบ 64-74 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ เคลื่อนไหวที่กรอบ 67-77 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP เปิดเผยบทวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมันประจำสัปดาห์  ระหว่างวันที่ 21 – 27 มี.ค. 68 พบว่าราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มผันผวนเนื่องจากตลาดจับตาสถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลางภายหลังจากอิสราเอลเปิดปฏิบัติการทางทหารครั้งใหญ่ในฉนวนกาซา ขณะที่สหรัฐฯ เปิดฉากโจมตีกบฏฮูตีในบริเวณทะเลแดง ขณะเดียวกัน ตลาดจับตาการเจรจาหารือระหว่างสหรัฐฯและรัสเซีย โดยล่าสุดยังคงมีการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานพลังงาน แม้ก่อนหน้านี้สหรัฐฯ และรัสเซียได้ไกล่เกลี่ยให้มีการหยุดการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของยูเครนเป็นระยะเวลา 30 วัน

ขณะที่ด้านเศรษฐกิจได้รับแรงหนุนจากการที่จีนเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย สะท้อนอุปสงค์น้ำมันที่มีแนวโน้มฟื้นตัวมากขึ้น แม้ว่าในฝั่งของธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับเดิม หลังอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มเร่งตัวประกอบกับยังมีความเสี่ยงเรื่องความไม่แน่นอนด้านนโยบายการค้าของนายโดนัลด์ ทรัมป์

สำหรับปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้ ประกอบด้วย

  • ตลาดจับตาสถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลางเนื่องจากนายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ได้เปิดปฏิบัติการทางทหารครั้งใหญ่นับตั้งแต่สัญญาการหยุดยิงเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 19 ม.ค. ที่ผ่านมา โดยการโจมตีในครั้งนี้มีขึ้นหลังจากความพยายามที่จะเจรจาต่อรองเพื่อขยายระยะเวลาหยุดยิงประสบความล้มเหลว
  • ขณะเดียวกัน สหรัฐฯ ได้ปฏิบัติการทางการทหารครั้งใหญ่ในช่วงวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ผ่านการโจมตีฐานที่มั่นทางการทหารและเรดาห์ทางการทหารต่างๆ ของกบฏฮูตี ในบริเวณทะเลแดง โดยการโจมตีครั้งนี้มีขึ้นภายหลังสหรัฐฯ ออกมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ต่ออิหร่าน ส่งผลให้หลายฝ่ายคาดว่าการโจมตีครั้งนี้ของสหรัฐฯ พุ่งเป้าหมายเพื่อกดดันให้รัฐบาลเตหะราน ซึ่งถือเป็นผู้สนับสนุนหลักของกบฏฮูตี กลับเข้าสู่โต๊ะเจรจากับสหรัฐฯ อีกครั้ง ทั้งนี้ หลายฝ่ายคาดว่า หากสถานการณ์ยังคงตึงเครียดต่อเนื่อง สหรัฐฯ อาจเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรน้ำมันอิหร่านและกระทบต่ออุปทานน้ำมันดิบในตลาดโลก
  • นอกจากนี้ยังคงมีแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจจีนที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยเนื่องจากสำนักสถิติแห่งชาติของจีนเปิดเผยตัวเลขยอดค้าปลีกเดือน ม.ค.-ก.พ. ปรับตัวดีขึ้นกว่า 4% ขณะที่ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมปรับเพิ่มขึ้น 5.3% ในเดือน ม.ค.-ก.พ. 68 สูงกว่าที่ตลาดคาดก่อนหน้าที่ 5.3% นอกจากนี้ รัฐบาลจีนได้ประกาศแผนปฏิบัติการพิเศษเพื่อกระตุ้นการบริโภคเพิ่มเติม เช่น แก้ไขปัญหาราคาอสังหาริมทรัพย์ การเพิ่มรายได้ และการรักษาเสถียรภาพของตลาดหุ้น ส่งผลให้ตลาดคาดอุปสงค์น้ำมันจีนมีแนวโน้มฟื้นตัวมากขึ้นจากช่วงก่อนหน้า
  • อย่างไรก็ดี ตลาดยังคงกังวลเรื่องผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกจากความไม่แน่นอนด้านนโยบายการค้าของสหรัฐฯ กับประเทศคู่ค้าต่างๆ โดยล่าสุด ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมเมื่อวันที่ 18-19 มี.ค. ที่ผ่านมาหลังตัวเลขอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ ยังมีความเสี่ยงที่จะเร่งตัวเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี ตลาดคาดเฟดจะพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ในช่วงการประชุมเดือน มิ.ย. 68 และเดือนก.ย. 68
  • ขณะที่ด้านการเจรจาหารือระหว่างสหรัฐฯและรัสเซียยังคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด โดยล่าสุดการเจรจาระหว่างผู้นำสหรัฐฯ และรัสเซีย ในวันอังคารที่ผ่านมา ยังคงไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการหยุดยิง 30 วัน ตามที่รัฐบาลสหรัฐฯ และยูเครน ตกลงกันในช่วงก่อนหน้านี้ โดยคาดข้อตกลงหยุดยิงจะยังคงไม่ได้ข้อสรุปในเร็ววัน เนื่องจากความต้องการของทั้งสองฝ่ายยังคงไม่ตรงกันในหลายประเด็น อย่างไรก็ดี จากการเจรจาครั้งล่าสุดที่รัสเซียตกลงที่จะหยุดการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของยูเครนยังคงมีความไม่แน่นอนและคาดจะเป็นปัจจัยกดดันต่อตลาดในระยะสั้น
  • ตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้คือ ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ ดัชนีราคาด้านการบริโภคส่วนบุคคล เดือน ก.พ. 68 ยอดขายบ้านใหม่ เดือน ก.พ. 68 ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต เดือน มี.ค. 68 ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการเดือน มี.ค. 68 และจีดีพีไตรมาส 4/67 และตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของยุโรป ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต เดือน มี.ค. 68 ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการเดือน มี.ค. 68

ทั้งนี้ ไทยออยล์ คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 64-74 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 67-77 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ส่วนสรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา ระหว่างวันที่ 14 – 20 มี.ค. 68 พบว่าราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับเพิ่มขึ้น 1.71 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลมาอยู่ที่ 68.26 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับเพิ่มขึ้น 2.12 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 72.00 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 73.01 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เนื่องจากสหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตรอิหร่านเพิ่มเติมส่งผลให้ตลาดกังวลเรื่องอุปทานน้ำมันดิบอิหร่านที่อาจตึงตัวมากขึ้น ขณะเดียวกัน ราคายังได้รับแรงหนุนจากการที่สำนักสถิติแห่งชาติของจีนเปิดเผยตัวเลขการนำน้ำดิบเข้ากลั่นของจีนปรับเพิ่มขึ้นกว่า 2.1% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าโดยความต้องการใช้น้ำมันเบนซินและน้ำมันอากาศยานสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดเทศกาลตรุษจีนที่ผ่านมาปรับเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ดี ตลาดยังคงกังวลเรื่องผลกระทบจากนโยบายภาษีของนายโดนัลด์ ทรัมป์ที่อาจทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวและกดดันความต้องการใช้น้ำมัน โดยล่าสุด องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ปรับตัวเลขคาดการณ์ว่ามาตรการดังกล่าวจะทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงสู่ระดับ 3.1% ในปี 2568 และ 3.0% ในปี 2569 ตามลำดับ รวมถึงตลาดยังได้รับแรงกดดันจากข่าวเรื่องการเดินหน้าเจรจาหารือเกี่ยวกับการยุติสงครามในยูเครนระหว่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายวลาดีมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีของรัสเซียในช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา

ขณะที่สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยตัวเลขน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 14 มี.ค. 68 เพิ่มขึ้น 1.7 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 437.0 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับเพิ่มขึ้นราว 0.5 ล้านบาร์เรล