ผู้ชมทั้งหมด 129
ไทยออยล์ ชี้ ราคาน้ำมันดิบสัปดาห์นี้มีแนวโน้มผันผวนในระดับสูง หลังอิสราเอล-ฮามาสบรรลุข้อตกลงหยุดยิง ท่ามกลางความไม่สงบระหว่างรัสเซีย-ยูเครน และมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย โดยสหรัฐฯ คาด เวสต์เท็กซัส เคลื่อนไหวที่กรอบ 72-82 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ เคลื่อนไหวที่กรอบ 75-85 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP เปิดเผยบทวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมันประจำสัปดาห์ ระหว่างวันที่ 20 – 24 ม.ค. 68 พบว่า ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มผันผวนในระดับสูง เนื่องจากสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางคลี่คลายลงจากการบรรลุข้อตกลงการเจรจาหยุดยิงในฉนวนกาซา ขณะที่ EIA คาดอุปสงค์น้ำมันดิบโลกปี 68 ปรับเพิ่มขึ้นน้อยกว่าการคาดการณ์ก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ความไม่สงบในรัสเซีย-ยูเครน ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ตลาดน้ำมันยังคงได้รับแรงหนุนจากมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย โดยสหรัฐฯ นอกจากนี้ ตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารสหรัฐฯ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของปีนี้เร็วขึ้น จากเดือน ก.ย.68 เป็น มิ.ย. 68
สำหรับปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้ ประกอบด้วย
- สถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางมีแนวโน้มคลี่คลายลงเนื่องจากอิสราเอลและกลุ่มฮามาสได้ข้อสรุปการเจรจาหยุดยิง และปล่อยตัวประกันในฉนวนกาซา ซึ่งนำโดยผู้แทนการเจรจา นาย Steve Witkoff ซึ่งเป็นผู้แทนด้านกิจการในตะวันออกกลางของนาย Donald Trump ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และเจ้าหน้าที่จากสหรัฐฯ อิสราเอล และกลุ่มฮามาส ได้เจรจากันที่กรุงโดฮา เมืองหลวงของกาตาร์ ทั้งนี้สงครามความขัดแย้งยาวนานกว่า 15 เดือน จะเริ่มหยุดยิงครั้งแรกในวันอาทิตย์ที่ 19 ม.ค.นี้ ต่อเนื่อง เป็นเวลา 6 สัปดาห์ และทั้งสองฝ่ายจะดำเนินการแลกเปลี่ยนตัวประกัน ขณะที่อิสราเอลจะถอนกำลังทหารออกจากชายแดนฉนวนกาซาและอียิปต์ ส่งผลให้ราคาน้ำมันอาจได้รับแรงกดดันจากความคลายกังวลต่ออุปทานน้ำมันดิบในตะวันออกกลาง
- ตลาดน้ำมันดิบคาดเติบโตชะลอตัวหลังรายงานฉบับเดือน ม.ค. 68 ของ EIA เผยอุปสงค์น้ำมันดิบโลกในปี 68 คาดปรับเพิ่มขึ้น 1.32 ล้านบาร์เรลต่อวันแตะระดับ 104.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยเป็นการปรับลดลง 0.23 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากการคาดการณ์ก่อนหน้า เนื่องจากการชะลอตัวของอุปสงค์น้ำมันดิบจีน ขณะที่ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐฯ ปี 2568 คาดปรับเพิ่ม 0.34 ล้านบาร์เรลต่อวัน แตะระดับ 13.55 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยเป็นการปรับเพิ่ม 0.03 ล้านบาร์เรลต่อวันจากการคาดการณ์ก่อนหน้า
- อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงกังวลต่อสถานการณ์ความไม่สงบในยุโรปตะวันออกที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากยูเครนใช้
โดรนโจมตีรัสเซียโดยพุ่งเป้าไปยังโครงสร้างพื้นฐานทางพลังงาน เช่น โรงกลั่น Saratov ของ Rosneft ซึ่งมีกำลังการผลิตอยู่ที่ระดับ 0.135 ล้านบาร์เรลต่อวัน และโรงกลั่น Taneco ซึ่งมีกำลังการผลิตอยู่ที่ระดับ 0.324 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยเป็นการจู่โจมในเมือง Tatarstan ซึ่งห่างจากเขตชายแดนยูเครนประมาณ 1,200 กิโลเมตร ส่งผลให้เกิดเพลิงไหม้และต้องอพยพคนงาน - ตลาดน้ำมันดิบยังคงได้รับแรงหนุนจากมาตรการคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันดิบโดยสหรัฐฯ ส่งผลให้บางประเทศจำเป็นต้องปรับแผนการซื้อขายน้ำมันดิบ โดยล่าสุด Platts เผยโรงกลั่นน้ำมันจีนมองหาแหล่งน้ำมันดิบจากประเทศในตะวันออกกลางเพิ่มเติมเช่นน้ำมันดิบจาก สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพื่อชดเชยการนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซียเพราะมีอุปสรรคในการขนส่งเนื่องจากเรือบรรทุกน้ำมันรวม 183 ลำที่ดำเนินการขนส่งน้ำมันดิบรัสเซียถูกคว่ำบาตรจากสหรัฐฯ ขณะที่รัฐบาลอินเดียประกาศยอมให้บริษัท Gazprom Neft และบริษัท Surgutneftegas ซึ่งถูกคว่ำบาตรจากสหรัฐฯ สามารถส่งมอบน้ำมันดิบในช่วงก่อนเดือน มี.ค. 68 หลังจากนั้นจะถูกงดเว้น ทั้งนี้ มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ มีช่วงระยะเวลาผ่อนผัน สิ้นสุดวันที่
12 มี.ค. 68 - นอกจากนี้ ตลาดยังคงจับตาความไม่แน่นอนของนโยบายการปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) เนื่องจากปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของปีนี้เร็วขึ้น 1 เดือน จาก ก.ย.68 เป็น มิ.ย. 68 เนื่องจากดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) เดือน ธ.ค. 67 ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 3.2% ต่ำกว่านักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นที่ระดับ 3.3% ทั้งนี้การปรับลดอัคราดอกเบี้ยที่เร็วขึ้นจะกระตุ้นความต้องการใช้น้ำมันดิบ
- ตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้คือ ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ ตัวเลขยอดขายบ้าน เดือน ธ.ค. 67 และตัวเลขขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐฯ เดือน ม.ค. 68 ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของยุโรป ได้แก่ ยอดจดทะเบียนรถยนต์ เดือน ธ.ค. 67 ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือน ม.ค. 68 และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรม และการผลิต เดือน ม.ค. 67 และตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของจีน ได้แก่ ตัวเลขเติบโตกำไรภาคอุตสาหกรรม เดือน ธ.ค. 67
ทั้งนี้ ไทยออยล์ คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 72-82 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 75-85 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ส่วนสรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา ระหว่างวันที่ 13 – 17 ม.ค. 68 พบว่า ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับเพิ่มขึ้น 1.31 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 77.88 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับเพิ่มขึ้น 1.03 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 80.79 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 84.53 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เนื่องจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) เผยตัวเลขน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 10 ม.ค. 68 ปรับลดลง 2 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 412.7 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับลดลงเพียง 0.9 ล้านบาร์เรล โดยนับเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ เม.ย. 65
ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยรายงานดัชนีราคาผู้ผลิต (Producer Price Index) เดือน ธ.ค. 67 เติบโตอยู่ที่ 3.3% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และ เดือน พ.ย. 67 เติบโต 3% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งตัวเลขดัชนีดังกล่าวส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม Reuters เผยดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ (DXY Index) อยู่ในระดับที่สูงที่สุดในรอบ 26 เดือน หลังใกล้วันเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของนาย Donald Trump ในวันที่ 20 ม.ค. 68 ซึ่งนักลงทุนคาดว่าทิศทางนโยบายของนาย Trump จะส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น ส่งผลให้ความน่าสนใจในการซื้อ และนำเข้าน้ำมันดิบด้วยสกุลเงินสหรัฐฯ ลดลง