ผู้ชมทั้งหมด 167
ไทยออยล์ ชี้ราคาน้ำมันดิบสัปดาห์นี้มีแนวโน้มย่อตัว หลังสหรัฐฯ เดินหน้าเจรจายุติสงครามรัสเซีย-ยูเครน และเศรษฐกิจชะลอตัว ท่ามกลางการคว่ำบาตรอิหร่าน และอิรักปรับแผนลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบ คาด เวสต์เท็กซัส เคลื่อนไหวที่กรอบ 65-75 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ เคลื่อนไหวที่กรอบ 69-79 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP เปิดเผยบทวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมันประจำสัปดาห์ ระหว่างวันที่ 28 – 6 มี.ค. 68 พบว่า ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับลดลงต่อเนื่องเพราะตลาดคลายกังวลจากกรณีที่สหรัฐฯ เจรจายุติสงครามรัสเซีย-ยูเครน แม้จะยังคงมีเหตุการณ์โจมตีระหว่างกันอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ เดือน ก.พ. 68 คาดลดลงติดต่อกัน 3 เดือน สู่ระดับต่ำสุดตั้งแต่ มิ.ย. 67 อย่างไรก็ตามกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตรอิหร่าน และสหรัฐฯ มีแผนยกเลิกการอนุญาตให้บริษัทน้ำมันต่างชาติส่งออกน้ำมันจากเวเนซุเอลา ส่งผลให้ตลาดคาดจะทำให้อุปทานน้ำมันดิบตึงตัวมากขึ้น ขณะเดียวกันกระทรวงน้ำมันของอิรักแถลงจะส่งแผนลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบให้กับ OPEC+ เพื่อชดเชยปริมาณน้ำมันดิบที่ผลิตเกินโควตาในช่วงก่อนหน้านี้

สำหรับปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้ ประกอบด้วย
• ความขัดแย้งในยุโรปตะวันออกมีแนวโน้มคลี่คลายลง โดยล่าสุดสหรัฐฯ และรัสเซียเตรียมหารือกันอีกครั้ง ณ ประเทศตุรกี โดยจะเร่งฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูต เพื่อนำไปสู่การเจรจายุติสงครามรัสเซีย-ยูเครนต่อไป อย่างไรก็ดี ยังคงมีการโจมตีระหว่างรัสเซียและยูเครนอย่างต่อเนื่อง โดยโรงกลั่นน้ำมัน Ryazan กำลังการผลิต 0.34 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในรัสเซียเกิดเพลิงไหม้หลังถูกโดรนยูเครนโจมตี ในเดือน ก.พ. 68 และยังไม่สามารถกลับมาดำเนินการได้ ขณะที่สหภาพยุโรป (European Union) ประกาศคว่ำบาตรท่าเรือน้ำมันหลักของรัสเซีย ได้แก่ ท่า Ust-Luga ขนาด 0.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน ท่า Primorsk ขนาด 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน และท่า Novorossiysk 0.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน และห้ามการจัดเก็บน้ำมันรัสเซียในท่าเรือของ EU ทุกกรณี
• เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีโนวแน้มชะลอตัวลงเนื่องจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ เดือน ก.พ. 68 คาดการณ์ว่าจะลดลง 5.8 จุด เทียบกับเดือน ม.ค. 68 อยู่ที่ระดับ 98.3 จุด โดยเป็นการลดลงติดต่อกัน 3 เดือน สู่ระดับต่ำสุดตั้งแต่ มิ.ย. 67 เนื่องจากความกังวลจากผลกระทบจากนโยบายภาษีนำเข้าสหรัฐฯ อาจทำให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ไม่ลดอัตราดอกเบี้ย โดยล่าสุด Fed Watch Tool ของ CME Group เผยนักลงทุนให้น้ำหนัก 96% ที่ Fed จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.25-4.5% ในประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) วันที่ 19 มี.ค. 68 ทั้งนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งบ่งชี้อัตราเงินเฟ้อในเดือน ม.ค. 68 อยู่ที่เติบโต 3% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน
• อย่างไรก็ตาม ตลาดจับตานโยบายคว่ำบาตรของประธานาธิปดีสหรัฐฯ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ต่ออิหร่าน เนื่องจากกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงน้ำมันของอิหร่านและ ประธานบริษัทน้ำมันแห่งชาติอิหร่าน (National Iranian Oil Company) นาย Hamid Bovard และประธานบริษัทท่าเรือส่งออกน้ำมันของอิหร่าน (Iranian Oil Terminals Co.) นาย Abbass Asadrouz รวมถึงบริษัทที่จัดจำหน่ายและขนส่งน้ำมันของอิหร่านอีกกว่า 30 แห่ง ทั้งนี้มาตรการตว่ำบาตรดังกล่าวจะส่งผลให้อุปทานน้ำมันดิบอิหร่านตึงตัวมากขึ้นเล็กน้อย
• ตลาดจับตานโยบายการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่ม OPEC+ เนื่องจากกระทรวงน้ำมันของอิรักแถลงจะส่งแผนลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบให้กับ OPEC+ เพื่อชดเชยปริมาณน้ำมันดิบที่ผลิตเกินโควตาในช่วงก่อนหน้านี้ แต่ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียด โดยในเดือน ม.ค. 68 อิรักผลิตน้ำมันดิบ 4.06 ล้านบาร์เรลต่อวัน เทียบกับโควตาอยู่ที่ระกับ 4 ล้านบาร์เรลต่อวัน
• ตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้คือ ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรม เดือน ก.พ.68 ดัชนีการจ้างงานภาคการผลิต เดือน ก.พ.68 ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อนอกภาคอุตสาหกรรม เดือน ก.พ.68 จำนวนผู้ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงาน เดือน ก.พ. 68 ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร เดือน ก.พ.68 และอัตราการว่างงาน เดือน ก.พ.68 และตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของยุโรป ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค เดือน ก.พ.68 ดัชนีราคาผู้ผลิต เดือน ม.ค. 68 ตัวเลขจีดีพี ไตรมาส 4/67 และตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของจีน ได้แก่ ตัวเลขส่งออก เดือน ก.พ. 68 ตัวเลขนำเข้า เดือน ก.พ.68 ดัชนีราคาผู้บริโภค เดือน ก.พ.68 และดัชนีราคาผู้ผลิต เดือน ก.พ.68
ทั้งนี้ ไทยออยล์ คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 65-75 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 69-79 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ส่วนสรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา ระหว่างวันที่ 21 – 27 ก.พ. 68 พบว่า ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับลดลง 2.22 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 70.35 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับลดลง 2.44 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 74.04 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 76.14 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เนื่องจากสำนักสถิติแห่งชาติของเยอรมนี เผยอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ไตรมาส 4/67 อยู่ที่ลดลง 0.2%เทียบกับไตรมาส 3/67 อยู่ที่เพิ่มขึ้น 0.1%
ขณะที่สถาบันวิจัยตลาด GfK เยอรมนีรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Consumer Climate Index) เดือน มี.ค. 68 ลดลง 2.1 จุด เทียบกับเดือนก่อนหน้าโดยเป็นการลดลงติดต่อกัน 2 เดือน สู่ระดับต่ำสุดตั้งแต่ เม.ย. 67 เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน และการย้ายฐานการผลิตสู่ต่างประเทศ รวมถึงการปลดพนักงาน
ทั้งนี้ อัตราว่างงาน (Unemployment Rate) ของเยอรมนีเดือน ม.ค. 68 อยู่ที่ 6.2% สูงสุดตั้งแต่ ต.ค. 63 อย่างไรก็ตาม ด้านสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยตัวเลขน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 21 ก.พ. 68 ลดลง 2.3 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 430.2 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับเพิ่มขึ้น 2.6 ล้านบาร์เรล หลังกำลังการผลิตของโรงกลั่นน้ำมันปรับเพิ่มขึ้น 1.6% ขึ้นมาอยู่ที่ 86.5% ของความสามารถในการผลิตทั้งหมด