ผู้ชมทั้งหมด 360
รฟม. เน้นย้ำผู้รับสัมปทาน เข้มงวดมาตรการความปลอดภัยในการให้บริการเดินรถไฟฟ้า เรียกความเชื่อมั่นรถไฟฟ้ามหานคร สายสีเหลือง – ชมพู
นายวิทยา พันธุ์มงคล รองผู้ว่าการ (ปฏิบัติการ) รักษาการแทน ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาแนวทางการสร้างความเชื่อมั่นในการให้บริการเดินรถไฟฟ้า โครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายนัคราพิพัฒน์ (MRT สายสีเหลือง) และโครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพู (MRT สายสีชมพู) ว่า จากกรณีที่รถไฟฟ้าสายสีเหลือง และสายสีชมพู ซึ่งเป็นระบบรถไฟฟ้าโมโนเรลสองสายแรกของประเทศไทย ได้เกิดอุบัติเหตุขึ้นบ่อยครั้ง ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ใช้บริการและสาธารณชน
ดังนั้นคณะกรรมการ รฟม.จึงได้มีมติเห็นชอบการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการฯ ชุดดังกล่าวขึ้น เพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงและวิเคราะห์หาสาเหตุของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นทั้งระบบ รวมถึงพิจารณาเสนอแนะแนวทางในการกำหนดมาตรการป้องกันและแนวทางแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการให้บริการเดินรถไฟฟ้า ซึ่งในการประชุมครั้งแรกในวันนี้ (9 ก.ค. 2567) คณะอนุกรรมการฯ ได้ร่วมกันพิจารณาแนวทางการแก้ไขและป้องกันอุบัติเหตุต่าง ๆ ในระบบรถไฟฟ้าโมโนเรลทั้งสองสาย รวม 5 เหตุการณ์ มีความเห็นเกี่ยวกับกรณีรางจ่ายกระแสไฟฟ้า (Conductor Rail) หลุดร่วงเนื่องจากถูกแรงกระแทก ซึ่งเกิดขึ้นถึง 2 ครั้ง จากสาเหตุที่แท้จริง (Root Cause) ที่แตกต่างกัน แต่บ่งชี้ถึงข้อบกพร่องในขั้นตอนการออกแบบและการติดตั้งของบางชิ้นส่วนที่ไม่มั่นคงแข็งแรงเพียงพอ และไม่มีระบบป้องกันอีกชั้นหนึ่ง
นอกจากนี้ในกรณีที่มีชุดล้อประคองหลุดร่วง หรือชิ้นส่วนอุปกรณ์ใด ๆ หลุดร่วงลงมา ยังบ่งชี้ถึงความจำเป็นของระบบสำรอง Secondary Retainer ที่เมื่อมีวัสดุอุปกรณ์หลุดร่วงแล้วจะสามารถช่วยลดทอนความเสียหายไว้ได้ พร้อมกันนี้คณะอนุกรรมการฯ ยังเน้นย้ำให้ รฟม. ติดตามตรวจสอบผลการซ่อมบำรุงของผู้รับสัมปทานทุกระยะ และนำผลมาวิเคราะห์เพื่อให้สามารถเฝ้าระวังความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุและอุบัติการณ์ได้ทันท่วงที
นายวิทยา กล่าวเสริมเกี่ยวกับเหตุการณ์ประตูบางส่วนของขบวนรถไฟฟ้า MRT สายสีชมพูเปิดในขณะจอดนิ่งอยู่ที่สถานีลาดปลาเค้า (PK18) และมีตู้โดยสารบางตู้อยู่นอกชานชาลา เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 4 กรกฎาคม 2567 ซึ่งจากการประชุมหารือร่วมกับ บริษัท นอร์ทเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด (NBM) ผู้รับสัมปทาน เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2567 ได้รับทราบสาเหตุโดยละเอียดของเหตุการณ์ว่า ขณะที่ผู้ควบคุมเส้นทางการเดินรถในเส้นทางหลักจากห้องศูนย์ควบคุม (CCR) อนุมัติให้เจ้าหน้าที่ประจำขบวนทำการขับเคลื่อนขบวนรถไฟฟ้ากลับเข้าชานชาลาด้วยระบบบังคับด้วยมือ Manual ก่อนทำการเปิดประตูเพื่อนำกระเป๋าเป้ที่ติดอยู่ตรงประตูบานสุดท้ายของตู้สุดท้ายออกนั้นเกิดข้อผิดพลาดด้านการสื่อสารในขั้นตอนการปฏิบัติทำให้ประตูทุกบานของขบวนรถเปิดออก
อย่างไรก็ตามผู้รับสัมปทานจะเพิ่มขั้นตอนอนุมัติการเปิด-ปิดประตูในกระบวนการ ซึ่งในสถานการณ์ที่มีเหตุจำเป็น CCR สามารถอนุมัติให้เจ้าหน้าที่ประจำขบวนเป็นผู้ขับเคลื่อนขบวนรถไฟฟ้าแบบ Manual ได้ แต่การเปิด-ปิดประตูจะต้องให้เจ้าหน้าที่ประจำสถานีตรวจสอบก่อนกว่าขบวนรถไฟฟ้าจอดอยู่ในชานชาลาครบทั้งขบวนแล้ว จึงจะแจ้งให้ CCR อนุมัติการเปิดประตูได้ นอกจากนี้ผู้รับสัมปทานจะนำกรณีดังกล่าวไปใช้ในการฝึกซ้อมเจ้าหน้าที่แบบจำลองสถานการณ์ด้วย เพื่อยกระดับมาตรการความปลอดภัยในการให้บริการเดินรถ สร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าและประชาชนผู้สัญจรผ่านแนวสายทาง
ทั้งนี้นโยบายของกระทรวงคมนาคมกำหนดให้การให้บริการเดินรถไฟฟ้าจะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยสูงสุดของผู้โดยสารและสาธารณะ ไม่สามารถประนีประนอมได้ โดย รฟม.ได้สั่งการผู้รับสัมปทานหาแนวทางที่เหมาะสมที่สุด สามารถรับรองความปลอดภัยและมาตรฐานการให้บริการเดินรถได้อย่างดีที่สุดต่อไปและจะร่วมมือกับทุกภาคส่วนเร่งปรับปรุงและพัฒนาการดำเนินงานให้บรรลุเป้าหมายโดยเร็วที่สุด เพื่อส่งมอบทางเลือกในการเดินทางด้วยระบบรถไฟฟ้ามหานครที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตคนเมืองได้อย่างยั่งยืน
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รฟม. เพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ รฟม. www.mrta.co.th และเฟซบุ๊กแฟนเพจการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ Call Center รฟม. โทรศัพท์ 0 2716 4044 “รฟม.ร่วมยกระดับเมืองด้วยโครงข่ายรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนและนวัตกรรม เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน”