ผู้ชมทั้งหมด 775
รฟท. แย้ม ก.พ. นี้ประกาศเชิญชวนเอกชนร่วมประมูลพื้นที่เชิงพาณิชย์สถานีกลางบางซื่อ ป้ายโฆษณา และ 12 สถานีรถไฟชานเมืองสายสีแดง คาด สัมปทาน 20 ปี สร้างรายได้ให้ รฟท. กว่า 7 พันล้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) (บอร์ด รฟท.)ได้อนุมัติหลักการให้ รฟท. ดำเนินการประกวดราคาโครงการจัดหาเอกชนเพื่อพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ และป้ายโฆษณา บริเวณอาคารสถานีกลางบางซื่อ และสถานีรถไฟชานเมืองสายสีแดง 12 สถานี รวมประมาณ 5.5 หมื่นตารางเมตร (ตร.ม.)โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเก็บรายละเอียดการจัดทำร่างเงื่อนไขการประมูล (TOR) คาดว่าภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 จะสามารถประกาศเชิญชวนเอกชนให้เข้ายื่นข้อเสนอได้ จากนั้นจะใช้ในเวลาประมาณ 5 เดือนในขั้นตอนการประกวดราคา คาดว่าจะได้ผู้ชนะในการประกวดราคาประมาณเดือนสิงหาคม 2565
สำหรับการประกวดราคาจัดหาเอกชนเพื่อพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ และป้ายโฆษณานั้น แบ่งออกเป็น 4 สัญญา ประกอบด้วย 1.การบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ภายในสถานีกลางบางซื่อ, 2.การบริหารจัดการพื้นที่ติดตั้งป้ายโฆษณาสถานีกลางบางซื่อ, 3.การบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์สถานีรถไฟฟ้าสายสีแดง 12 แห่ง และ 4. การบริหารจัดการพื้นที่ติดตั้งป้ายโฆษณาในสถานี 12 แห่ง โดยสัญญาที่ 1 และ 2 เป็นสัญญาระยะยาว 20 ปี ส่วนสัญญาที่ 3 และ 4 เป็นสัญญาระยะสั้น 3 ปี
ทั้งนี้เมื่อได้ผู้ชนะประมูลแล้ว รฟท.จะให้เอกชนเข้าพื้นที่เริ่มดำเนินการพัฒนาทันที โดยคาดว่าตลอดอายุสัมปทานประมาณ 20 ปี จะสร้างรายได้ให้กับ รฟท. ประมาณ 7.9 พันล้านบาท หรือประมาณ 399 ล้านบาทต่อปี
อย่างไรก็ตามในระหว่างที่การประมูลพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ และป้ายโฆษณา สถานีกลางบางซื่อ และ 12 สถานียังไม่แล้วเสร็จ รฟท. จึงได้จัดตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ (คีออส) และจัดศูนย์อาหารชั่วคราวที่สถานีกลางบางซื่อ บริเวณชั้น 1 ประตู 4 ไว้ให้บริการประชาชนไปก่อน
ส่วนจำนวนผู้โดยสารที่มาใช้รถไฟชานเมืองสายสีแดง และสถานีกลางบางซื่อนั้นในปัจจุบันมีผู้โดยสารเฉลี่ยอยู่ในระดับ 8,000 คนต่อวัน ปรับตัวลดลงเล็กน้อย หลังจากเกิดการระบาดของโควิด – 19 สายพันธุ์โอมิครอน ส่วนการเปิดให้บริการรถไฟทางไกลที่สถานีกลางบางซื่อ ซึ่งก่อนหน้านี้มีแผนจะเปิดให้บริการเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2564 ขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะเปิดให้บริการวันใด ต้องรอผลการเช็กลิสต์ตามนโยบายนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่ได้ให้จัดทำเช็กลิสต์ โดยมีผู้เชี่ยวชาญ และสถาบันการศึกษาที่เกี่ยวข้องร่วมให้คำแนะนำ เพื่อตรวจสอบผลกระทบกับประชาชน ทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐาน การเชื่อมต่อของประชาชน และการขนส่งสินค้า การอำนวยความสะดวกด้านการจราจรและความปลอดภัยในการเดินรถ ซึ่งน่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนมกราคมนี้