ผู้ชมทั้งหมด 11,816
“มนพร” สั่ง 5 หน่วยงาน เร่งเดินหน้าสนองนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นของรัฐบาล ก่อนต่อยอดในระยะต่อไป เน้นย้ำ กทท. สร้างท่าเทียบเรือสำราญใช้พลังงานไฟฟ้า 100% ขณะที่ ขสมก.ต้องเร่งจัดหารถโดยสารพลังงานสะอาดจำนวน 2,000 คัน
นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ประชุมติดตามการดำเนินงานหน่วยงานในกำกับดูแลให้เป็นไปตามแผนและสอดรับกับนโยบายของรัฐบาล โดยมี นายสรพันธ์ คุณากรวงศ์ ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านการขนส่ง นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก รักษาราชการแทนรองปลัดกระทรวงคมนาคม นายกริชเพชร ชัยช่วย ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม รักษาราชการแทนอธิบดีกรมเจ้าท่า (จท.) นายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) นายกิตติกานต์ จอมดวง จารุวรพลกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) นางสาวภัคณัฏฐ์ มากช่วย ผู้ว่าการสถาบันการบินพลเรือน (สบพ.) นางสาวพัฒน์นรี โคดำ รักษาการผู้จัดการ บริษัท โรงแรมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จำกัด (รทส.) และผู้แทนจากสำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคมเข้าร่วมประชุมฯ เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2566 ณ ห้องประชุมกระทรวงคมนาคม
นางมนพร กล่าวว่า ตามที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้มอบอำนาจให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมปฏิบัติราชการแทนในการสั่งการ อนุญาต อนุมัติ ปฏิบัติราชการหรือดำเนินการที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมจะพึงปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ คำสั่ง หรือมติของคณะรัฐมนตรีเพื่อให้การคมนาคมขนส่งสาธารณะและการขนส่งสินค้าของประเทศไทยเกิดประสิทธิภาพสูงสุดและสอดรับกับนโยบายของรัฐบาล ซึ่งตนได้รับมอบหมายให้ดูแลส่วนราชการและหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงฯ จำนวน 5 หน่วยงาน ได้แก่ จท. กทท. ขสมก. สบพ. และ รทส. จึงได้ให้หน่วยงานดังกล่าวเข้าพบ เพื่อรายงานและติดตามผลการดำเนินงาน โดยได้เร่งรัดแนวทางการดำเนินงานไปสู่การปฏิบัติ (Action Plan) ในโครงการต่าง ๆ ดังนี้
1. มอบให้ จท. ทบทวนและปรับปรุงพระราชบัญญัติการส่งเสริมการพาณิชยนาวีให้มีความทันสมัย โดยแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อดูแลเรื่องนี้ต่อไปรวมทั้งศึกษาการนำนโยบายการขุดลอกต่างตอบแทนไปดำเนินงานในทุกภาคของประเทศไทย เพื่อรองรับเรือสินค้าที่มาจากต่างประเทศและช่วยในการจัดการจราจรทางน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ได้กำชับให้ จท. เพิ่มความปลอดภัยของท่าเรือทุกแห่ง ด้วยการเพิ่มเจ้าหน้าที่ประจำท่าเรือ อุปกรณ์อำนวยความสะดวกปลอดภัยต่าง ๆ ป้ายเตือน ป้ายบอกทางและแสงสว่างให้เพียงพอเพื่อรองรับประชาชนและนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลวันลอยกระทงและวันขึ้นปีใหม่ให้ได้รับความสะดวก และมีความปลอดภัยสูงสุด
2. มอบให้ กทท. ผลักดันโครงการเชื่อมต่อการขนส่งสินค้าระหว่างการคมนาคมทางบก ทางราง และทางน้ำอย่างไร้รอยต่อ (Seamless Transport) โดยให้ความสำคัญกับช่วงเวลาการรับ – ส่งสินค้าระหว่างระบบขนส่งให้มีความสัมพันธ์กัน สามารถรับ – ส่งได้ทันที โดยไม่เกิดช่วงการรอนานเกินไป สำหรับโครงการพัฒนาท่าเทียบเรือเพื่อรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่ (Cruise Terminal) ที่ กทท.อยู่ระหว่างการศึกษานั้น ได้เน้นย้ำว่า ท่าเทียบเรือต้องเป็นการใช้พลังงานไฟฟ้า 100% เพื่อเป็นต้นแบบท่าเทียบเรือที่ส่งเสริมพลังงานสะอาดอย่างยั่งยืน พร้อมนี้ได้เร่งรัดการดำเนินโครงการก่อสร้างท่าเรือระนอง ซึ่ง กทท. ได้ดำเนินการออกแบบ (Detail Design) และศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) แล้วเสร็จ อยู่ระหว่างสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณารับรองผลการศึกษา และกำชับให้ดำเนินโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ให้เป็นไปตามแผนงานอย่างเคร่งครัด
3. มอบให้ ขสมก. พิจารณาเยียวยาผู้ถือบัตรโดยสารรายเดือนของ ขสมก. ภายหลังกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) มีหนังสือแจ้งให้ ขสมก. ยกเลิกใบอนุญาตประกอบการขนส่งในเส้นทางเดิมของ ขสมก. ที่ทับซ้อนกับเส้นทางของผู้ประกอบการเดินรถเอกชน ส่งผลกระทบให้ประชาชนเสียผลประโยชน์ เร่งรัดโครงการจัดหารถโดยสารพลังงานสะอาดจำนวน 2,000 คัน ในราคาที่เหมาะสม และวางแผนการคำนวณอัตราค่าโดยสารในราคาย่อมเยาว์ ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ และ ขสมก. ไม่ขาดขุน
4. มอบให้ สบพ. บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อปรับปรุงหลักสูตรการเรียนการสอน ให้สามารถผลิตบุคลากรรองรับความต้องการของท่าอากาศยานทั้งในประเทศและต่างประเทศ ศึกษาแนวทางการเพิ่มรายได้และจำนวนศึกษา รวมทั้งประสานงานกับบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และหน่วยงานภาครัฐที่มีความต้องการให้บุคลากรเข้ารับการฝึกอบรมในหลักสูตรที่ สบพ. จัดขึ้น
5. มอบให้ รทส. เร่งรัดดำเนินโครงการปรับปรุงโรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยให้ลงนามในสัญญาภายในเดือนเมษายน 2567 เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการให้บริการและมีความพร้อมในการรองรับนักท่องเที่ยว
ทั้งนี้ตนได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานดำเนินงานให้สอดคล้องกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น (Quick-Win) ของรัฐบาล และปฏิบัติงานให้เป็นไปตามแผนในระยะต่าง ๆ ของหน่วยงาน ซึ่งต้องจัดซื้อจัดจ้างให้เป็นไปตามระเบียบกระทรวงการคลัง และเกิดประโยชน์ต่อประชาชนสูงสุดต่อไป