ผู้ชมทั้งหมด 67
“มนพร” กางไทม์ไลน์ “พ.ร.บ.ตั๋วร่วม” หลังสภาฯ เทเสียงเอกฉันท์ “รับหลักการ” วาระ 1 แล้ว คาดมีผลบังคับใช้กลางปีนี้ ส่วนกฎหมายลำดับรอง ประกาศได้ภายใน ก.ย. 68 แน่นอน หนุนนโยบายค่ารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย พกบัตรโดยสารใบเดียวเดินทางครอบคลุมทุกระบบ
นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา ที่ประชุมได้มีมติเอกฉันท์รับหลักการร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ… เพื่อเป็นการสนับสนุนการให้บริการขนส่งสาธารณะ ทั้งรถไฟ รถไฟฟ้า รถเมล์ และเรือโดยสาร โดยให้ประชาชนผู้ใช้บริการมีต้นทุนในการเดินทางที่ลดลง และยังเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน ด้วยการใช้บัตรโดยสารใบเดียว สามารถเดินทางได้ทุกระบบของการบริการขนส่งสาธารณะ ซึ่งจะทำให้ประชาชนเปลี่ยนพฤติกรรมจากรถส่วนบุคคลมาเป็นขนส่งสาธารณะได้อยากสะดวก รวดเร็ว และมีราคาสมเหตุสมผล
สำหรับกรอบการดำเนินแผนการขับเคลื่อนร่าง พ.ร.บ. การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. …. หลังจากนี้นั้น จะเข้าสู่กระบวนการต่อด้านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร วาระที่ 2 และ 3 ก่อนที่มีการพิจารณาของวุฒิสภา โดยคาดว่า จะประกาศราชกิจจานุเบกษาและมีผลบังคับใช้ในช่วงกลางปี 2568 พร้อมกับเตรียมร่างกฎหมายลำดับรอง รับฟังความเห็น และเสนอประกาศกฎหมายลำดับรองภายในเดือนกันยายน 2568 เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายค่ารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายครบทุกสี ทุกสาย ทุกเส้นทาง ผ่านการจัดตั้งกองทุนส่งเสริมระบบตั๋วร่วมต่อไป
นางมนพร กล่าวต่อว่า พ.ร.บ.การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วมฯ นั้น มีหลักการสำคัญ 5 ประการ คือ 1.การจัดทำมาตรฐานทางเทคโนโลยีของระบบตั๋วร่วมเพื่อให้เป็นมาตรฐานกลาง โดยมีสำนักงานนโยบายและแผนและการขนส่งการจราจาร (สนข.) และใช้เป็นมาตรฐานกลางสำหรับตั๋วร่วมในอนาคต 2.กำหนดอัตราโดยสารร่วม โดยอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมในการออกกฎกระทรวง เพื่อกำหนดอัตราค่าโดยสารร่วม และเป็นการกำหนดให้หน่วยงานของรัฐจะต้องนำอัตราค่าโดยสารร่วมไปใช้บังคับในการทำสัญญาสัมปทานขนส่งสาธารณะในอนาคตด้วย 3.จัดตั้งกองทุนส่งเสริมระบบตั๋วร่วม เพื่อสนับสนุนในการดำเนินงาน การพัฒนา และการส่งเสริมเกี่ยวกับการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม รวมทั้งให้กู้ยืมแก่ภาคเอกชนที่ประกอบกิจการตั๋วร่วม
ขณะที่ 4.ผู้ประกอบการที่จะมีสิทธิ์ขอรับการสนับสนุนจากกองทุนส่งเสริมระบบตั๋วร่วม จะต้องเป็นผู้ที่ได้รับใบอนุญาตตามกฏหมายฉบับนี้ และ 5.ในกรณีมีความจำเป็นให้ตราพระราชกฤษฎีกากำหนดให้มีการประกอบกิจการขนส่งสาธารณะใดเป็นกิจการที่ต้องใช้ระบบตั๋วร่วม และต้องได้ใบรับอนุญาตตามกฏหมายฉบับนี้ เพื่อรักษาการให้บริการระบบตั๋วร่วม หรือเพื่อเกิดประโยชน์สูงสุดในการส่งเสริมระบบตั๋วร่วมเพื่อป้องกันการเสียหายต่อสาธารณะ นอกจากนี้ สาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. …. ประกอบด้วย 7 หมวด และบทเฉพาะกาล (54 มาตรา) โดยมีวัตถุประสงค์หลัก เพื่อลดค่าใช้จ่าย และอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน พร้อมทั้งหันมาเป็นการเดินทางโดยระบบขนส่งสาธารณะเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของรัฐบาล
นางมนพร กล่าวอีกว่า สำหรับการตราพระราชบัญญัตินี้ เนื่องจากเล็งเห็นว่า ปัจจุบันการขนส่งผู้โดยสารในระบบขนส่งสาธารณะ มีผู้ให้บริการหลายราย โดยผู้ให้บริการแต่ละรายมีต้นทุนในการจัดทำและบริหารจัดการระบบการจัดเก็บค่าโดยสารหรือค่าธรรมเนียมของตนเอง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ต้นทุนในการให้บริการระบบขนส่งสาธารณะอยู่ในอัตราสูง และประชาชนผู้ใช้บริการต้องรับผิดชอบต้นทุนดังกล่าว ซึ่งนอกจากจะเป็นต้นทุน และภาระของประชาชนแล้ว ยังทำให้เกิดความไม่สะดวกในการใช้บริการขนส่งสาธารณะอีกด้วย
อีกทั้งยังเพื่ออำนวยความสะดวกและลดค่าใช้จ่ายแก่ประชาชนผู้ใช้บริการให้สามารถใช้บัตรโดยสารใบเดียวในการเดินทางได้ทุกระบบขนส่งสาธารณะอันเป็นการสนับสนุนให้ประชาชนเปลี่ยนพฤติกรรมการเดินทางจากขนส่งส่วนบุคคล เป็นการเดินทางโดยระบบขนส่งสาธารณะ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามเป้าหมายของรัฐบาลได้อีกทางหนึ่ง รวมทั้งจะทำให้สามารถลดค่าโดยสารลงได้ ถือเป็นประโยชน์แก่ประชาชนผู้ใช้บริการ จึงควรกำหนดให้มีการบริหารจัดการร่วมกันในรูปแบบระบบตั๋วร่วม โดยการจัดตั้งกองทุนส่งเสริมระบบตั๋วร่วมสนับสนุนการดำเนินงาน การพัฒนา และการส่งเสริมเกี่ยวกับการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม