ผู้ชมทั้งหมด 307
“พีระพันธ์” ลั่นยุบพ.ร.บ.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พร้อมร่างกฎหมายใหม่ประกาศใช้ก่อนสิ้นปี 67 หวังตั้งคณะกรรมการมากำกับดูแล ขณะที่การตรึงราคาน้ำมันดีเซล เตรียมหารือรมว.คลัง ลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน หวังลดราคาน้ำมันดีเซลต่ำกว่า 33 บาทต่อลิตร
นายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการร่างกฎหมายใหม่ เพื่อทดแทน พ.ร.บ.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงฉบับเดิม ว่า พ.ร.บ. ใหม่ได้ดำเนินการยกร่างกฎหมายเสร็จแล้ว โดยขณะนี้ พ.ร.บ.อยู่ระหว่างคณะกรรมการร่างกฎหมาย คณะกรรมการกษฎีกา ตรวจสอบร่างกฎหมายให้เรียบร้อย เมื่อเสร็จสิ้น 100% ก็จะขอความเห็นกับทางภาคเอกชน ซึ่งตนจะเร่งผลักดันให้สามารถประกาศบังคับใช้ได้ภายในปี 2567
โดยพ.ร.บ. ฉบับแรกที่รยกร่างเสร็จแล้ว คือ เรื่องการบริหารจัดการค้าน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งจะแตกต่างจากเดิมโดยสิ้นเชิง มีเป้าหมาย เพื่อให้เกิดความถูกต้องเป็นธรรม ประชาชนสามารถตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ได้เพื่อให้กิดความโปร่งใส
“พ.ร.บ.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงปัจจุบันมีแต่เรื่องกองทุนน้ำมัน แต่ปัญหาของเราตอนนี้ไม่ใช่แค่เรื่องกองทุน น้ำมันขึ้นลงทุนวันใครคุม ต่อไปทุกคนจะต้องช่วยกันวางระบบใหม่ กฎหมายใหม่ยังไม่ได้ตั้งชื่อแต่ พ.ร.บ.กองทุนมันเชื้อเพลิงยุบไปแน่นอน เปลี่ยนไปใส่ไว้ในพ.ร.บ. ฉบับใหม่ แต่พ.ร.บ.ใหม่จะไม่มีแค่เรื่องกองทุนน้ำมัน เพราะปัญหาที่เจอไม่ใช่แค่เรื่องกองทุน ส่วนคณะกรรมการที่จะมากำกับดูแลเรื่องน้ำมันก็จะมีลักษณะคล้ายๆกับคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ที่ดูแลค่าไฟฟ้า ซึ่งคณะกรรมการตามกฎหมายใหม่ก็ต้องเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเป็นประธาน” นายพีระพันธ์ กล่าว
ต่อข้อสอบถามว่า พ.ร.บ. ฉบับใหม่นี้จะกระทบกับการค้าเสรีน้ำมันมั้ย นายพีระพันธ์ กล่าวว่า การแก้ฎหมายจะไม่กระทบกับการค้าเสรีน้ำมัน ซึ่งการค้าเสรีน้ำมันก็ต้องมีกรอบที่ชัดเจน ถ้าหากไม่มีกรอบก็จะกลายเป็นการเอาเปรียบ และคำว่าเสรีต้องเสรีจริงๆ โดยต้องไม่ไปปิดกั้นผู้ค้ารายใหม่ที่จะเข้าสู่ตลาด
อย่างไรก็ตามการแก้ไขกฎหมายในครั้งนี้ไม่ได้เป็นการแก้ไขกฎหมายเพื่อยกเว้นภาษี หรือยกเลิกภาษี แต่จะเป็นการกำหนดเพดานภาษีน้ำมัน อันนี้อยู่ในมาตรา 32 ซึ่งตนได้ไปเช็ครายละเอียดกับกษฎีกายืนยันแล้วว่าสิ่งที่ตนคิดถูกต้องการ กำหนดเพดานภาษีน้ำมันไม่ได้ไปขัดกับกฎหมายวินัยการเงินการคลัง
สำหรับเพดานภาษีควรเป็นเท่าไรนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ซึ่งทางกระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องมาคำนวณดูว่าควรจะอยู่ในอัตราที่เท่าไหร่ แต่หลักการคือจะไม่มีการเก็บรายได้เข้าสู่รัฐด้วยภาษีนี้ เพราะสุดท้ายก็จะกลายเป็นภาระของภาครัฐ ซึ่งอันนี้ตนจะต้องไปดูว่าจะบริหารจัดการอย่างไร เบื้องต้นอาจจะให้เป็นอำนาจของคณะกรรมการ
นายพีระพันธ์ กล่าวถึงการตรึงราคาน้ำมันดีเซล ว่า หลังจากสิ้นสุดการตรึงราคาไว้จนถึงสิ้นเดือนตุลาคม 2567 นั้นในเบื้องต้นตนได้มีการหารือกับนายพิชัยชุณหะวธีระรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังนอกรอบ หลังจากที่มีการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2567 โดยมีความเห็นพร้อมกันว่าจะมีการตั้งคณะทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวงพลังงานและกระทรวงการคลัง เพื่อกำหนดแนวทางในการช่วยเหลือประชาชน อย่างไรก็ตามตนได้เสนอให้มีการปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดำเซลลง เพื่อให้ราคาน้ำมันดีเซลลดลงต่ำกว่า 33 บาทต่อลิตร
ปัจจุบันประเทศไทยมีการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันอยู่ที่ 5.99 บาทต่อลิตร แต่ยังมีการบวกกับภาษีท้องถิ่นอีก 60 สตางค์ต่อลิตรรวมเป็น 6.50 บาทต่อลิตร ซึ่งแพงกว่าประเทศเวียดนามที่มีการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตเพียงอย่างเดียวที่ 1.70 บาทต่อลิตร และประเทศสิงคโปร์จัดเก็บที่ 5.54 บาทต่อลิตร ดังนั้นจึงต้องพิจารณาปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน