ผู้ชมทั้งหมด 1,067
“พีระพันธุ์” เสนอปรับแนวทางการเจรจาพื้นที่ OCA ไทย–กัมพูชาใหม่ถึงจะประสบความสำเร็จ ยันเป็นเรื่องที่กระทรวงพลังงานให้ความสำคัญเพราะเป็นนโยบายรัฐบาล
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงแนวทางการเจรจาการหาข้อยุติพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทยและกัมพูชา หรือ Overlapping Claims Area – OCA ว่า กระทรวงพลังงานให้ความสำคัญในเรื่องนี้เนื่องจากเป็นนโยบายของรัฐบาล แต่เท่าที่ได้ดูข้อตกลงภายใต้ เอ็มโอยู 2544 และเห็นว่าควรจะต้องมีการปรับแนวทางการเจรจากันใหม่ เพื่อเกิดผลสำเร็จในการเจรจา
อย่างไรก็ตามแหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยกับกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน ที่ลงนามโดย ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยกับนาย ชก อัน รัฐมนตรีอาวุโสประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ในปี 2544 หรือที่เรียกว่า เอ็มโอยู 2544 มีประเด็นที่ทำให้เกิดความล่าช้า และยากต่อการหาข้อยุติ เนื่องจาก มีการกำหนดให้พื้นที่ส่วนที่จะแบ่งเส้นเขตแดนทางทะเล และ พื้นที่ที่จะพัฒนาทรัพยากรปิโตรเลียมร่วมกันที่จะต้องดำเนินการทำข้อตกลงไปด้วยกันไม่สามารถแบ่งแยกได้ ( Indivisible package )
โดยพื้นที่ส่วนที่ตกลงแบ่งเส้นเขตทางทะเล ซึ่งมีประมาณ 10,000 ตารางกิโลเมตรนั้นทางฝ่ายกัมพูชา ลากเส้นล้ำเข้ามาโดยไม่ได้อิงหลักสากลตามอนุสัญญาสหประชาชาติ ว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ.1982 (UNCLOS) ที่ไทยเป็นภาคีทำให้เมื่อตกลงในส่วนแรกไม่ได้ ก็จะไม่สามารถตกลงในส่วนของพื้นที่พัฒนาร่วมได้ตามที่ระบุในเอ็มโอยู ดังนั้การเจรจาเรื่องพื้นที่ทับซ้อน OCA และการแบ่งเขตแดนต้องแยกออกจากัน
อนึ่งเรื่องการเร่งรัดเจรจาเพื่อให้ได้ข้อยุติในพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทยและกัมพูชา เป็นนโยบายรัฐบาลที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้แถลงต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา และในวันที่ 28 กันยายน นายกรัฐมนตรีของไทยไทยและคณะได้เดินทางไปเยือนประเทศกัมพูชา อย่างเป็นทางการ เป็นประเทศแรกในอาเซียน เพื่อหารือกับสมเด็จมหาบวรธิบดี ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกรัฐมนตรีของทั้งสองประเทศเห็นพ้องกันว่า เป็นช่วงเวลาเหมาะสมที่จะ “เปิดศักราชใหม่ของความสัมพันธ์” ของ 2 ประเทศ แต่ยังไม่ได้มีการหยิบยกเรื่องOCA มาคุยกันบนโต๊ะเจรจา