“พลังงาน” เล็งหาช่องกู้เงินเพิ่ม อุ้มราคาเชื้อเพลิงลดภาระประชาชน

ผู้ชมทั้งหมด 946 

“พลังงาน” รับ กรอบกู้เงินของกองทุนน้ำมันฯ รวม 3 หมื่นล้านบาท ไม่พอ เตรียมออกมาตรการและพร้อมแหล่งเงินกู้เพิ่มเติม บรรเทาผลกระทบราคาพลังงานขาขึ้น คาดชัดเจนกลางเดือน ถึงปลายเดือน ก.พ.นี้

นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า กระททรวงพลังงาน ได้ติดตามสถานการณ์พลังงานตลาดโลกอย่างใกล้ชิด โดยทีมวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมันกลุ่ม ปตท. หรือ ปริซึม ได้ประเมินราคาน้ำมันในช่วง 3 เดือน (ก.พ.-เม.ย.) คาดว่า น้ำมันดิบดูไบ จะอยู่ในกรอบ 88-93 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และทั้งปี 2565 จะอยู่ในกรอบ 78-80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากปัจจุบัน ราคาดูไบ อยู่ที่ระดับ 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งราคาพลังงานยังอยู่ในช่วงขาขึ้น และมี 3 ปัจจัยที่ต้องติดตามเพราะจะส่งผลกดดันต่อทิศทางราคาน้ำมันดิบในอนาคต ได้แก่ 1.ตัวเลขคาดการณ์การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกหลังโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย 2.ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ กรณีการขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ที่ปัจจุบันทวีความรุนแรงขึ้นซึ่งจะมีผลต่อซัพพลายน้ำมันดิบ และ 3.กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ที่ยังคงกำลังการผลิตน้ำมันอยู่ที่ 4 แสนบาร์เรลต่อวัน ซึ่งปัจจัยดังกล่าว จะส่งผลให้ราคาพลังงาน 3 เดือนข้างหน้ายังผันผวน

ดังนั้น เพื่อบรรเทาผลกระทบจากราคาพลังงานช่วงขาขึ้นทั้ง ราคาน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติเหลว(LNG) ก๊าซปิโตรเลียมเหลว(LPG) และก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์(NGV) เพิ่มเติมในอนาคต ซึ่งขณะนี้ กระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างการหาแหล่งเงินเพิ่มเติมเพื่อจะนำมาบรรเทาผลกระทบให้กับประชาชน โดยแหล่งเงินดังกล่าวอาจจะมาจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.),สำนักงบประมาณ, งบกลางปี เป็นต้น ซึ่งจะเป็นการหาแหล่งเงินเพิ่มจากที่ กองทุนน้ำมันฯ มีกรอบวงเงินกู้รวมอยู่ที่ 30,000 ล้านบาท

“มาตรการเพิ่มเติมดูแลผลกระทบราคาพลังงานที่จะออกมา จะวางเป้าหมายว่าจะช่วยเหลือกลุ่มไหนซึ่งจะเน้นกลุ่มผู้มีรายได้น้อย และแหล่งเงินจะมาจากที่ไหน โดยมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติม เช่น การช่วยเหลือราคา NGV เพิ่มเติมจากปัจจุบันตรึงราคาอยู่ที่ 15.59 บาทต่อลิตร (ถึง 31 มี.ค.65) และปตท.ช่วยเหลือกลุ่มแท็กซี่  อยู่ที่13.62  บาทต่อลิตร (ถึง 15 มี.ค.65) จะมีมาตรการระยะต่อไปอย่างไร เป็นต้น”   

ส่วนราคาก๊าซ LPG ที่ปัจจุบันตรึงอยู่ราคา 318 บาท/ถัง/ 15 กก. มา 2 ปี จนถึง 31 มี.ค.2565 อาจจะต้องขยับราคาขึ้นตามแผนที่เคยจัดทำไว้ที่เป็นการปรับขึ้นแบบขั้นบันได 1 บาท/กก. ทุกไตรมาส หรือปรับขึ้นเป็น 333 บาท/ถังขนาด 15 กก. แต่ก็ยังขึ้นอยู่กับสถานการณ์ราคาในขณะนั้น รวมถึงปัญหาค่าครองชีพว่าจะเอื้ออำนวยต่อการปรับขึ้นราคาหรือไม่ โดยหากช่วยเหลือเป็นรายกลุ่ม จะเน้นกลุ่มผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพิ่มเป็น 100 บาท/คน/3 เดือน จากเงินช่วยเหลือปัจจุบันอยู่ที่ 45 บาท โดยในส่วนของเงินเพิ่ม 55 บาทนั้น ทางกระทรวงพลังงาน อยู่ระหว่างจัดหาแหล่งเงินเข้ามาดูแล

ล่าสุด เมื่อวันที่ 30 ม.ค.65 กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ติดลบกว่า 1.4 หมื่นล้านบาท โดยอุดหนุน LPG ช่วง 2 ปีไปแล้ว 24,669 ล้านบาท และปัจจุบัน กองทุนฯ มีเงินไหลออกเดือนละกว่า 7,000 ล้านบาท จากการดูแลราคาLPG และดีเซล