ผู้ชมทั้งหมด 385
“พีระพันธุ์” ลุยศึกษารูปแบบการจัดตั้งระบบสำรองน้ำมันและก๊าซให้เหมาะสมกับประเทศ พร้อมเตรียมร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องและรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่าย
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการจัดตั้งระบบสำรองน้ำมันและก๊าซเพื่อความมั่นคงทางยุทธศาสตร์และระบบรักษาระดับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซ ครั้งที่ 6/2567 เมื่อวันอังคารที่ 5 มีนาคม 2567 เวลา 13.00 น. ณ ห้องประชุม 301 ชั้น 3 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล
โดยมีนาย ณอคุณ สิทธิพงศ์ เป็นประธานคณะอนุกรรมการบริหารจัดการระบบ และศาสตราจารย์พิเศษ อธึก อัศวานันท์ เป็นประธานคณะอนุกรรมการพิจารณาร่างกฎหมายภายใต้คณะกรรมการการจัดตั้งระบบสำรองน้ำมันและก๊าซดังกล่าว
การประชุมครั้งนี้ มีการพิจารณาประเด็นสำคัญในการวางรูปแบบการสำรองน้ำมันทางยุทธศาสตร์ (SPR) เพื่อความมั่นคงทางยุทธศาสตร์ และรักษาเสถียรภาพทางด้านราคา มีการหารือร่วมกันในคณะกรรมการเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ของการปรับเปลี่ยนรูปแบบการสำรองน้ำมันและก๊าซ รวมทั้งเป็นการแก้ปัญหาหนี้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงและที่สำคัญจะเป็นการแก้ไขปัญหาการแบกรับค่าใช้จ่ายด้านราคาพลังงานของประชาชนอีกด้วย
นอกจากนี้ ยังมีการศึกษาการจัดซื้อจัดหา การกลั่น การส่งออก และการใช้น้ำมันและก๊าซ การกำหนดราคาขายน้ำมันส่งออกและที่จำหน่ายภายในประเทศของประเทศเพื่อนบ้าน เช่น อินโดนีเซีย และมาเลเซีย เพื่อเปรียบเทียบกับประเทศไทยในปัจจุบัน อีกทั้ง ยังมีการศึกษา การนำเข้า – ส่งออก สัดส่วนการใช้และการจัดเก็บสำรอง รวมไปถึงวิธีการบริหารจัดการการหมุนเวียน LPG ของญี่ปุ่นในเชิงลึก
ตลอดจนการจัดหาน้ำมันดิบ น้ำมันสำเร็จรูป ก๊าซธรรมชาติ และการเก็บภาษีน้ำมันของสิงคโปร์เพื่อเป็นข้อมูลสนับสนุนการตัดสินใจเลือกรูปแบบการสำรองน้ำมันและก๊าซเพื่อความมั่นคงทางยุทธศาสตร์ ผนวกกับเพื่อรักษาเสถียรภาพทางด้านราคาของประเทศ ซึ่งประชาชนเชื่อมั่นและมั่นใจได้ว่าการจัดตั้งระบบการสำรองน้ำมันและก๊าซของประเทศไทยในครั้งนี้ จะมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างแน่นอน โดยจะพิจารณาใช้แนวทางที่ไม่เป็นภาระในการบริหารจัดการน้ำมันของภาครัฐ รวมทั้งไม่กระทบงบประมาณแผ่นดินในภาพรวม
ทั้งนี้ นายพีระพันธุ์ฯ ได้สั่งการให้นาย ณอคุณ สิทธิพงศ์ ประธานคณะอนุกรรมการบริหารจัดการระบบ และศาสตราจารย์พิเศษ อธึก อัศวานันท์ ประธานคณะอนุกรรมการพิจารณาร่างกฎหมายภายใต้คณะกรรมการดังกล่าว เร่งมือจัดทำรูปแบบการจัดตั้งระบบสำรองน้ำมันและก๊าซให้เหมาะสมกับประเทศ และครอบคลุมในทุกมิติทางยุทธศาสตร์ให้มากที่สุด พร้อมทั้งเตรียมร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องและรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่าย ให้สามารถจัดตั้งระบบสำรองน้ำมันและก๊าซเพื่อความมั่นคงทางยุทธศาสตร์ และการรักษาระดับราคาที่ยุติธรรมสำหรับประชาชน