ผู้ชมทั้งหมด 52
“พลังงาน” หนุนวิสาหกิจชุมชน จ.สมุทรสงครามใช้พลังงานทดแทน เพิ่มรายได้ ลดการใช้พลังงานกว่า 50% สร้างศักยภาพสินค้าเกษตร
นายสุนทร อุษาบริสุทธิ์ พลังงานจังหวัดสมุทรสงคราม ได้พาคณะเข้าเยี่ยมชมกลุ่มวิสาหกิจชุมชน เกษตรสวนนอก ต.บางยี่รงค์ อ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม ซึ่งได้รับการสนับสนุนเทคโนโลยีพลังงาน สำหรับใช้ในกระบวนการผลิตและเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์สินค้าเกษตร อาทิ น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ผ้ามัดย้อมสีธรรมชาติจากเปลือกมะพร้าวและใบลิ้นจี่ กระดาษสาจากก้านกุหลาบ เพื่อสร้างรายได้ให้กับชุมชน โดยสำนักงานพลังงานจังหวัดสมุทรสงครามได้ให้ความสำคัญกับการวางแผนพลังงานชุมชน ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการเชื่อมผสานระหว่าง ประชาชน-รัฐ-เอกชน เพื่อให้การบริหารจัดการพลังงานของท้องถิ่นเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดและผลักดันการใช้พลังงานทดแทนเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าเกษตรในกลุ่มชุมชน
ในกระบวนการผลิตแบบเดิม กลุ่มวิสาหกิจประสบปัญหาเรื่องการควบคุมคุณภาพและมีต้นทุนค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง อาทิ ในกระบวนการผลิตน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นซึ่งเดิมต้องตากแห้งกากมะพร้าว 2 – 3 วัน ซึ่งการตากแดดตามธรรมชาติทำให้การผลิตขาดช่วงโดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน อีกทั้งยังควบคุมคุณภาพได้ยาก หรือการต้มสีย้อมสำหรับผ้ามัดย้อม ซึ่งเดิมใช้เตาฟืนขนาดเล็ก มีประสิทธิภาพต่ำ มีต้นทุนเชื้อเพลิงสูง และส่งผลต่อการควบคุมคุณภาพของสินค้าอีกด้วย
ดังนั้น สำนักงานพลังงานจังหวัดสมุทรสงครามจึงได้ผลักดันกลุ่มวิสาหกิจเข้ารับการสนับสนุนงบประมาณ โดยได้รับสนับสนุนเทคโนโลยีพลังงานทดแทน เพื่อพัฒนาคุณภาพของสินค้าและเพิ่มกำลังผลิต ได้แก่ ระบบอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 2 x 2 เมตร จำนวน 18 ระบบ และขนาด 3 x 4 เมตร จำนวน 1 ระบบ เตาชีวมวลประสิทธิภาพสูง (เตามณฑล) 2 กระทะ ซึ่งมีประสิทธิภาพในการให้ความร้อนสูงและสามารถใช้วัสดุธรรมชาติในพื้นที่ เช่น ทางมะพร้าว เป็นเชื้อเพลิงทดแทนฟืนได้ ชุดครอบหัวเตาแก๊ส 2 ชุด ซึ่งช่วยควบคุมประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงให้ดียิ่งขึ้น และรถเข็นสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์เคลื่อนที่ ขนาด 340 วัตต์ จำนวน 1 ระบบ เพื่อใช้สำหรับเกษตรกรรมของกลุ่ม
“ก่อนหน้านี้ทางกลุ่มประสบปัญหาในเรื่องต้นทุนเชื้อเพลิงในการผลิตอย่าง ฟืน และก๊าซ LPG รวมทั้งยังมีปัญหาเรื่องการควบคุมคุณภาพของผลิตภัณฑ์ให้เป็นไปตามมาตรฐาน การได้รับการสนับสนุนเทคโนโลยีพลังงานทั้งระบบอบแห้ง เตามณฑล ทำให้สามารถควบคุมคุณภาพของผลิตภัณฑ์ได้ตามมาตรฐาน ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในกระบวนการผลิตลงได้ 50% โดยประหยัดค่าก๊าซ LPG และฟืน คิดเป็นเงินได้ประมาณ 10,000 บาทต่อปี ที่สำคัญทำให้ชุมชนมีรายได้เพิ่มขึ้นจากเดิมมีที่รายได้ 2 – 4 แสนบาทต่อปี เพิ่มเป็น 5 แสนบาทต่อปี” นายสุนทร กล่าว