ผู้ชมทั้งหมด 884
“พลังงาน” ลั่นปี65 หนุนลงทุนหลักแสนล้านบาท ปั้นปิโตรเคมี ระยะที่ 4 ดึงไทย-เทศน์ ลงทุนในพื้นที่ EEC สานต่อโรงไฟฟ้าชุมชนเฟส 2 เล็งคลอดแพ็กเกจส่งเสริมEV ต้นปี65
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่าปี 2565 กระทรวงพลังงาน จะมุ่งมั่นกำหนดทิศทางแผนการดำเนินงานภายใต้มิติ “Collaboration for Change: C4C ก้าวสู่ยุคพลังงานสะอาด จับมือพันธมิตรเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย” โดยจะมุ่งเน้นการปรับบทบาทองค์กรเพื่อก้าวสู่ยุค Energy Transition ปลดล็อค กฎระเบียบ และจับมือทุกภาคส่วน ซึ่งจะตอบโจทย์สถานการณ์ปัจจุบันที่ทั่วโลกตระหนักถึงสภาวะโลกร้อนส่งผลให้ภัยธรรมชาติเริ่มทวีความรุนแรงและส่งกระทบมากยิ่งขึ้น กอปรกับความสำคัญต่อเป้าหมายการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ตามแผนที่ประกาศในเวทีการประชุม COP26 นั้น ทำให้ภาคพลังงานถือเป็นรากฐานสำคัญที่จะสร้างความแข็งแกร่งในการแข่งขันของภาคธุรกิจ และอุตสาหกรรมในเวทีโลก
“แผน C4C จะจับมือพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ เช่น IEA กระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรม (เมติ) ของญี่ปุ่นเป็นต้น ซึ่งจะเน้นเรื่องของเทคโนโลยีใหม่ๆ”
โดยจะให้ความสำคัญและขับเคลื่อนการพัฒนา 3 ด้าน คือ 1. ด้านพลังงานสร้างความมั่นคงสู่เป้าหมายสังคมคาร์บอนต่ำ อาทิ การจัดทำแผนพลังงานแห่งชาติที่คำนึงถึงพลังงานสะอาดและการนำเทคโนโลยีมาใช้อย่างเช่น การขับเคลื่อน Grid Modernization สมาร์ทกริด ปลดล็อคกฎระเบียบการซื้อขายไฟฟ้าสะอาด และบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ ให้เพียงพอต่อความต้องการใช้ในประเทศ
2.ด้านพลังงานเสริมสร้างเศรษฐกิจ อาทิ ขับเคลื่อนการลงทุนโครงการประกอบกิจการปิโตรเลียม ซึ่งคาดว่าจะสร้างรายได้ให้ประเทศมูลค่ากว่า 44,300 ล้านบาท กำหนดโครงสร้างราคาน้ำมันและสัดส่วนการผสมเชื้อเพลิงชีวภาพให้มีความเหมาะสม เป็นธรรมและเกิดประโยชน์ต่อทุกฝ่ายในระดับที่เหมาะสม ส่งเสริมการลงทุนปิโตรเคมี ระยะ 4 ใน EEC กำหนดทิศทางการขยายการลงทุนปิโตรเคมีกระตุ้นเศรษฐกิจหลังวิกฤตโควิด เพื่อให้เกิดเม็ดเงินลงทุนในปี 2565-2569 กว่า 2-3 แสนล้านบาท ส่งเสริมลงทุนต่อเนื่องโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานมูลค่ากว่า 143,000 ล้านบาท
“ปิโตรเคมีฯ ระยะที่ 4 กระทรวงพลังงาน ได้รับเรื่องมาจากคณะกรรมการปฏิรูปฯแล้ว และจะหารือกับบอร์ดEEC ในวันพรุ่งนี้(24ธ.ค.65) เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการดึงดูดการลงทุนรายอุตสาหกรรม แต่เบื้องต้นจะเน้นปิโตรเคมีที่ทันสมัย ตอบโจทย์เรื่อง BCG และเปิดโอกาสสร้าง S-Curve ”
รวมถึง ส่งเสริมการลงทุน EV Charging Station และยานยนต์ไฟฟ้า และเร่งพัฒนาระบบไฟฟ้าเพื่อรองรับการขยายตัว การใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในอนาคต ขยายผลการลงทุนพลังงานสะอาดทุกรูปแบบ โดยในส่วนของแพ็กเกจส่งเสริม รถEV คาดว่า จะประกาศได้ในช่วงต้นปี 2565 ซึ่งขณะนี้รัฐบาลอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมในทุกด้าน หากได้ข้อสรุปแล้วจะนำเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.)พิจารณา ต่อไป
ตลอดจนการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนผ่านกองทุนอนุรักษ์ฯปี 2565 วงเงินกว่า 1,800 ล้านบาท
3. ด้านพลังงานลดความเหลื่อมล้ำและสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เดินหน้ากระจายเม็ดเงินลงทุนสู่ชุมชน 76 จังหวัด ทั่วประเทศ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก เพื่อส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีพลังงานลดต้นทุนการผลิต สร้างมูลค่าเพิ่มผลิตภัณฑ์ชุมชน พัฒนาคุณภาพชีวิตชุมชน พร้อมขับเคลื่อนโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อระยะที่ 1 พร้อมเตรียมการขยายผลโรงไฟฟ้าชุมชนระยะที่ 2 ซึ่งยังมีกรอบที่จะส่งเสริมการลงทุนได้อีก 400 เมกะวัตต์ ใน 10ปี และคาดว่าจะประกาศโครงการได้ภายในปี 2565
ขณะที่ ผลการดำเนินงานของกระทรวงพลังงานในรอบปี 2564 กระทรวงพลังงาน ได้เดินหน้าสร้างความมั่นคงทางพลังงาน เป็นฟันเฟืองขับเคลื่อนเศรษฐกิจ คู่ขนานกับการช่วยเหลือสังคมบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ภายใต้ความร่วมมือของหน่วยงานในสังกัด รัฐวิสาหกิจและบริษัทในเครือ โดยในด้านบทบาทภารกิจหลัก อาทิ จัดทำ “แผนพลังงานแห่งชาติ” มุ่งสู่เป้าหมายลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เป็นศูนย์ภายในปี ค.ศ. 2050 ปรับโครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้าของประเทศไทย ภายในปี 2564 – 2568 ให้สะท้อนต้นทุนในการให้บริการของกิจการไฟฟ้าอย่างเหมาะสมและเป็นธรรมต่อทั้งผู้รับใบอนุญาตและผู้ใช้ไฟฟ้าทุกกลุ่ม
ส่วนด้านการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ได้ผลักดันให้เกิดเม็ดเงินลงทุนในระบบเศรษฐกิจมูลค่ากว่า 205,000 ล้านบาท อาทิ และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐวิสาหกิจภายใต้การกำกับดูแลและบริษัทในเครือมูลค่ากว่า 169,000 ล้านบาท ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากและพัฒนาพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมูลค่ากว่า 1,800 ล้านบาท ส่งเสริมให้เกิดการจ้างงานตามนโยบายรัฐบาลจำนวน 25,777 อัตรา รวมถึงสร้างรายได้จากการประกอบกิจการปิโตรเลียม รวมมูลค่า 34,200 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานช่วงสถานการณ์โควิด-19 ครอบคลุมทั้งประชาชนและภาคธุรกิจ รวมมูลค่า 97,113 ล้านบาท ภายใต้มาตรการที่สำคัญๆ อาทิ การลดค่าไฟฟ้าครัวเรือนและกิจการขนาดเล็กกว่า 62 ล้านราย การตรึงค่า Ft ตลอดปี 2564 การตรึงราคาขายปลีก LPG สำหรับผู้มีรายได้น้อย กลุ่มร้านค้าหาบเร่แผงลอยอาหาร รวมถึงได้ดำเนินมาตรการช่วยเหลือด้วยการรักษาระดับราคาน้ำมันดีเซล ไม่ให้เกิน 30 บาท/ลิตร เพื่อลดผลกระทบต่อผู้ประกอบการซึ่งอาจจะส่งผลต่อราคาสินค้าในช่วงที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกผันผวนตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 จนถึงเดือนมีนาคม 2565 รวมทั้งตรึงราคาขายปลีกก๊าซ NGV เพื่อช่วยเหลือผลกระทบต่อรถสาธารณะที่ใช้ก๊าซ NGV อีกด้วย