ผู้ชมทั้งหมด 1,128
ผู้ถือหุ้น RATCH หนุนลงทุนโครงการ Paiton Energy ในอินโดนีเซีย มูลค่า 2.54 หมื่นล้านบาท เสริมรายได้ระยะยาวมั่นคง และเพิ่มโอกาสธุรกิจในอินโดนีเซีย คาดกระบวนการลงทุนเสร็จมี.ค. 65
นางสาวชูศรี เกียรติขจรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH เปิดเผยว่า การประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ครั้งที่ 1/2564 ในวันนี้ (21 ตุลาคม 2564) ที่ประชุมผู้ถือหุ้นมีมติด้วยคะแนนเสียง ร้อยละ 99.69 ของจำนวนผู้เข้าร่วมประชุมทั้งหมด อนุมัติให้บริษัท อาร์เอช อินเตอร์เนชั่นแนล (สิงคโปร์) คอร์ปอเรชั่น จำกัด (RHIS) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยทางอ้อม เข้าทำธุรกรรมการลงทุนซื้อหุ้นสามัญของกลุ่มบริษัท Paiton Energy จาก Mitsui & Co., Ltd. รวมมูลค่า 809.60 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 25,421.68 ล้านบาท ประกอบด้วย
1.การเข้าซื้อหุ้นสามัญร้อยละ 45.515 ในบริษัท PT Paiton Energy (PE) ที่ดำเนินกิจการโรงไฟฟ้า 2 แห่ง (3 หน่วยการผลิต) มูลค่า 707.20 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 22,206.29 ล้านบาท
2.การเข้าซื้อหุ้นสามัญ ร้อยละ 45.515 ใน Minejesa Capital B.V. (MCBV) ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำหน้าที่จัดหาแหล่งเงินทุนให้แก่ PE มูลค่า 53.50 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 1,679.92 ล้านบาท
3.การเข้าซื้อหุ้นสามัญ ร้อยละ 65 ใน IPM Asia Pte. Ltd. (IPM) ซึ่งถือหุ้นร้อยละ 84 ใน PT Paiton Operation and Maintenance Indonesia โดยเป็นบริษัทบริหารการเดินเครื่องและบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าทั้ง 2 แห่งให้แก่ PE มูลค่า 48.90 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 1,535.47 ล้านบาท
โรงไฟฟ้า Paiton มีความสำคัญต่อความมั่นคงระบบไฟฟ้าบนเกาะชวา ประเทศอินโดนีเซีย โดย PE เป็นเจ้าของโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนที่ใช้ถ่านหินซับบิทูมินัสเป็นเชื้อเพลิง 2 แห่ง มีกำลังการผลิตรวม 2,045 เมกะวัตต์ คิดเป็นร้อยละ 6 ของกำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งหมดบนเกาะชวา
โดยโรงไฟฟ้าแห่งที่ 1 (P7/8) ประกอบด้วยหน่วยผลิตพลังงานไฟฟ้าจำนวน 2 หน่วย มีกำลังการผลิตหน่วยละ 615 เมกะวัตต์ รวมกำลังการผลิต 1,230 เมกะวัตต์ และมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าสาธารณรัฐอินโดนีเซีย (PLN) ระยะเวลา 43 ปี ตั้งแต่ปี 2542 – ปี 2585 และโรงไฟฟ้าแห่งที่ 2 (P3) มีกำลังการผลิต 815 เมกะวัตต์ และมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ PLN ระยะเวลา 30 ปี นับตั้งแต่ปี 2555 – ปี 2585 อย่างไรก็ตามในปัจจุบันสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ PLN ของโรงไฟฟ้าทั้ง 2 แห่งยังคงเหลือระยะเวลา 21 ปี
นอกจากนี้ ที่ประชุมผู้ถือหุ้น ยังได้อนุมัติให้บริษัทฯ จัดสรรเงินลงทุนตามเงื่อนไขการซื้อขายหุ้นสามัญดังกล่าว รวมถึงการดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ เพื่อให้การเข้าทำธุรกรรมการลงทุนในโรงไฟฟ้า Paiton บรรลุผลสำเร็จ โดยคาดว่า กระบวนการการลงทุนดังกล่าวจะเสร็จสิ้นสมบูรณ์ภายในเดือนมีนาคม 2565
ทั้งนี้ บริษัทฯ จะลงทุนโดยใช้เงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และเงินทุนหมุนเวียนภายในของบริษัทฯ ซึ่งเพียงพอต่อธุรกรรมดังกล่าว โดยบริษัทฯ มีวงเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินที่ยังไม่ได้เบิกใช้ประมาณ 46,829.42 ล้านบาท ในกรณีที่ใช้เงินกู้จากสถาบันลงทุนทั้งจำนวนจะทำให้อัตราส่วนหนี้สินรวมต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Debt to Equity) เป็น1.25 เท่า ซึ่งยังเป็นไปตามเงื่อนไขและข้อกำหนดของสถาบันการเงิน และการออกและเสนอขายหุ้นกู้ของบริษัทฯ และบริษัทย่อย
การเข้าซื้อกิจการ PE นับเป็นก้าวสำคัญต่อการเติบโตอย่างมีเสถียรภาพและมั่นคงในระยะยาว เพราะโรงไฟฟ้า Paiton มีการดำเนินงานที่ดีต่อเนื่องสามารถให้ผลตอบแทนที่มีนัยสำคัญต่อรายได้และเพิ่มมูลค่ากิจการบริษัทฯ ให้แข็งแกร่งในระยะยาว อีกทั้งช่วยชดเชยกำลังการผลิตของโรงไฟฟ้าราชบุรีที่ทยอยลดลงตามกำหนดอายุสัญญาซื้อขายไฟฟ้านับจากปี 2568
สำหรับโรงไฟฟ้า Paiton ได้ดำเนินการผลิตไฟฟ้าจำหน่ายให้กับ PLN เป็นเวลาถึง 22 ปี โดยตั้งแต่ปี 2561 – 2563 มีรายได้เฉลี่ยประมาณ 25,000 ล้านบาทต่อปี และมีกำไรสุทธิเฉลี่ยประมาณ 7,000 ล้านบาทต่อปี อีกทั้งยังมีการดูแลบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าและบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างดี และยังมีแผนที่จะปรับปรุง ประสิทธิภาพหน่วยผลิตไฟฟ้าที่ 7 และ 8 ในปี 2565-2566 ซึ่งจะส่งผลดีทั้งด้านการผลิต และมิติด้านสิ่งแวดล้อม ด้วย
ทั้งนี้การลงทุนในโรงไฟฟ้า Paiton จะส่งผลให้บริษัทฯ รับรู้กำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มขึ้นประมาณ 931 เมกะวัตต์ และยังเป็นโอกาสสนับสนุนการขยายการลงทุนโครงการใหม่ รวมถึงโครงการด้านพลังงานทดแทน และธุรกิจที่เกี่ยวข้องในประเทศอินโดนีเซียอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้บริษัทฯ สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน และบรรลุตามวิสัยทัศน์ที่มุ่งสู่การเป็นบริษัทชั้นนำด้านพลังงานและสาธารณูปโภคพื้นฐานในระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก