ผู้ชมทั้งหมด 1,157
ปตท.สผ. ยันวางแผนรับมือช่วงรอยต่อเปลี่ยนผ่านบริหารงาน “แหล่งเอราวัณ” ในเดือนเม.ย.นี้ พร้อมรักษาเสถียรภาพพลังงานให้กับประเทศ คาดราคาน้ำมันดิบเริ่มเข้าสู่จุดสมดุล ไตรมาส3-4 ปีนี้ เฉลี่ยอยู่ที่ 70-75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
นายมนตรี ลาวัลย์ชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP ได้เปิดเผยผ่านรายการ นาทีลงทุน โดยระบุว่า ความคืบหน้าการผลิตก๊าซธรรมชาติในแหล่งเอราวัณ ที่กลุ่มปตท.สผ.เป็นผู้ดำเนินการภายใต้สัญญาแบ่งปันผลผลิต(PSC) นั้น เบื้องต้นประเมินว่า ในช่วงรอยต่อเปลี่ยนผ่านการบริหารงานจากผู้รับสัมปทานเดิมในเดือนเม.ย.นี้ จะเหลือกำลังการผลิตก๊าซฯ อยู่ที่ประมาณ 420-425 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน จากเดิมแหล่งเอราวัณ ผลิตเฉลี่ย 1,000 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ซึ่งจะต่ำกว่าเงื่อนไขในสัญญา PSC ที่กำหนดไว้ต้องผลิตไม่ต่ำกว่า 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน
“ต้องยอมรับว่า การผลิตก๊าซฯช่วงรอยต่ออาจสะดุดบ้าง แต่บริษัทได้เร่งผลิตจากแหล่งอื่นเข้ามาทดแทน อาทิ แหล่งบงกช และแหล่งอาทิตย์ รวมทั้งแหล่งอื่นๆ ขณะที่การนำเข้าLNG ปัจจุบันก็มีราคาสูงมาก หากพึ่งพาการนำเข้าจำนวนมากก็จะเป็นภาระต่อค่าไฟ ดังนั้น ปตท.สผ.จะทำหน้าที่ผลิตก๊าซฯเพื่อสร้างเสถียรภาพพลังงานให้ดีที่สุด”
อย่างไรก็ตาม ทิศทางราคาน้ำมันดิบตลาดโลก ในปัจจุบันยังทรงตัวระดับสูง ล่าสุด น้ำมันดิบดูไบ แตะ 88 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งเกิดจากช่วงสถานการณ์โควิด-19 และการแข่งขันด้านราคาน้ำมันของกลุ่มโอเปกและกลุ่มอื่นๆ ประกอบกับทิศทางเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัวหลังโควิด-19 ทำให้ซัพพลายที่เข้ามาในตลาดไม่พอดีดับดีมานด์ ทำให้คาดว่า ราคาน้ำมันดิบจะยังผันวนไปจนถึงปลายปีนี้ ขณะเดียวกันมองว่า ในช่วงไตรมาส 3-4 ปีนี้ ราคาน้ำมันดิบจะเริ่มเข้าสู่จุดสมดุลได้ที่ เฉลี่ยอยู่ที่ 70-75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
นายมนตรี กล่าวอีกว่า การเติบโตของบริษัท ไม่ได้ใช้ทิศทางราคาน้ำมันดิบเป็นตัวกำหนด แต่มาจากปริมารการผลิตที่เพิ่มขึ้น เมื่ออัตราการผลิตเพิ่มขึ้น ก็จะทำให้ผลประกอบการเติบโตขึ้น โดยปีนี้ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 4.7 แสนบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นปริมารการขายที่เติบโตต่อเนื่อง จากปี 2564 ที่มียอดขายอยู่ที่ 4.16 แสนบาร์เรลต่อวัน