ผู้ชมทั้งหมด 752
“ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์” หรือ “ก๊าซ NGV” เคยเป็นเชื้อเพลิงที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงทางเลือกในภาคยานยนต์ ก็เพื่อแก้ไขปัญหาราคาน้ำมันแพงในอดีต แต่ปัจจุบันความนิยมใช้ก๊าซNGV ลดลงอย่างต่อเนื่อง หลังราคาน้ำมันเริ่มถูกลง และนโยบายภาครัฐที่หันไปส่งเสริมการใช้ไบโอดีเซล
การใช้ก๊าซNGV แม้จะลดลงมากในปัจจุบัน แต่ก็ยังไม่สามารถยกเลิกการจำหน่ายได้ในทันที เพราะจะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้รถNGV ที่ยังไม่มีกำลังในการปรับเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ประเภทอื่นแทน ภาครัฐจึงขอความมือให้ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ในฐานะหน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่ดูแลความมั่นคงด้านพลังงานของชาติ ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยแบกรับภาระส่วนต่างราคามาอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าปัจจุบัน ปตท.จะทยอยปรับขึ้นราคาขายปลีกก๊าซ NGV สำหรับผู้ใช้รถทั่วไป แต่ในส่วนของประชาชนกลุ่มเปราะบาง ปตท.ก็ยังคงทำหน้าที่แบกรับภาระส่วนต่างราคาต่อไป
แต่ด้วยสถานการณ์ราคาขายปลีกก๊าซ NGV ตามสูตรโครงสร้าง ณ เดือนกรกฎาคม 2567 อยู่ที่ระดับ 18.55 บาทต่อกิโลกรัม และมีการประมาณการราคาขายปลีกก๊าซ NGV ในช่วงเดือนสิงหาคม 2567 ถึงเดือนธันวาคม 2567 คาดการณ์ว่า ราคาอาจปรับขึ้นอยู่ในช่วง 19.36 ถึง 19.66 บาทต่อกิโลกรัมนั้น ทางสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) จึงได้ประชุมหารือร่วมกับ ปตท. เพื่อพิจารณาแนวทางการกำหนดราคาขายปลีก NGV โดยมีความเห็นร่วมกันว่า ให้นำส่วนต่างต้นทุนราคาก๊าซธรรมชาติที่เกิดจากการดำเนินงานตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2566 ในช่วงเดือนมกราคม 2567 ถึงเดือนเมษายน 2567 มาปรับต้นทุนราคาก๊าซธรรมชาติ ในโครงสร้างราคาขายปลีก NGV โดยให้ราคาขายปลีก NGV อยู่ที่ 18.59 บาทต่อกิโลกรัม เป็นระยะเวลา 2 เดือน ตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม 2567 ถึงวันที่ 15 ตุลาคม 2567 และนำส่วนต่างคงเหลือมาปรับราคาขายปลีก NGV ตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม 2567 จนครบวงเงินของส่วนต่างต้นทุนราคาก๊าซธรรมชาติ โดยยังคงมาตรการช่วยเหลือจาก ปตท. ในกลุ่มรถแท็กซี่ กลุ่มรถโดยสารสาธารณะ และกลุ่มรถบรรทุก ตามมติคณะกรรมการ ปตท. เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2566
ดังนั้น เพื่อลดผลกระทบจากสถานการณ์ราคาก๊าซ NGV ดังกล่าว ที่ประชุมมติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2567 ที่มี นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน เห็นชอบให้นำส่วนต่างต้นทุนราคาก๊าซธรรมชาติที่เกิดจากผลการดำเนินการตามมติ กพช. เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2566 ในการปรับหลักเกณฑ์การคิดราคาก๊าซธรรมชาติที่เข้าและออกจากโรงแยกก๊าซธรรมชาติ มาช่วยลดภาระค่าครองชีพด้านพลังงานให้กับประชาชนผู้ใช้ก๊าซ NGV โดยการนำส่วนต่างราคาดังกล่าวมาช่วยพยุงราคาขายปลีก NGV ไม่ให้มีการปรับขึ้นอย่างทันทีจากราคาก๊าซธรรมชาติในช่วงปลายปีที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น เป็นระยะเวลา 2 เดือน ตั้งแต่ 16 สิงหาคม – 15 ตุลาคม 2567 โดยมอบหมายให้ ปตท. รับไปดำเนินการและให้รายงานผลการดำเนินการให้ กบง. ทราบต่อไป
ดังนั้น ล่าสุด เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2567 ปตท. ได้ประกาศปรับลดราคาNGV ทั่วไป ลง 69 สตางค์ต่อกิโลกรัม อยู่ที่ 17.90 บาทต่อกิโลกรัม จากเดือนที่ผ่านมาราคาอยู่ที่ 18.59 บาทต่อกิโลกรัม เพื่อสะท้อนกลไกราคาตามนโยบายของภาครัฐ โดยมีผลระหว่างวันที่ 16 ตุลาคม – 15 พฤศจิกายน 2567 ซึ่งในส่วนของราคา NGV สำหรับรถยนต์ทั่วไป ทาง ปตท.จะพิจารณาราคาทุกๆ 1 เดือน โดยราคา NGV ทั่วไป อยู่ที่ 17.90 บาทต่อกิโลกรัมนั้น ถือเป็นราคาต่ำที่สุดในปี 2567 อีกครั้ง หลังจากราคาต่ำสุดอยู่ที่ 18.15 บาทต่อกิโลกรัม ช่วงระหว่างวันที่ 1-15 กรกฎาคม 2567
ขณะที่ ราคา NGV ใน “โครงการบัตรสิทธิประโยชน์กลุ่มรถโดยสารสาธารณะ” ปัจจุบันกระทรวงพลังงาน ยังขอความร่วมมือ ปตท. ให้จำหน่ายในราคาถูกต่อไปก่อน เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการกลุ่มรถโดยสาร เบื้องต้นโครงการดังกล่าวจะช่วยเหลือราคา NGV ให้ผู้ร่วมโครงการฯ เป็นเวลา 2 ปี หรือสิ้นสุดใน ธ.ค. 2568
ทั้งนี้ ในส่วนของราคา NGV สำหรับรถโดยสารธารณะ ล่าสุด รอบวันที่ 16 ตุลาคม – 15 พฤศจิกายน 2567 ราคามีการเปลี่ยนแปลงดังนี้
กลุ่มรถแท็กซี่และรถโดยสารสาธารณะ หมวด 1 และหมวด 4 (ไม่รวมรถ ขสมก.) ราคาคงเดิม อยู่ที่ 15.59 บาทต่อกิโลกรัม
กลุ่มรถโดยสารสาธารณะ หมวด 2 และหมวด 3 ราคาปรับลงจาก 18.59 บาทต่อกิโลกรัม เหลือ 17.90 บาทต่อกิโลกรัม (เป็นราคาที่เท่ากับราคา NGV ทั่วไป 17.90 บาทต่อกิโลกรัม)
กลุ่มรถบรรทุก ที่เติมก๊าซ NGV ที่สถานีฯ แนวท่อ และสถานีฯ นอกแนวท่อ ใน “โครงการส่งเสริมความปลอดภัยใช้ NGV” ราคาปรับลดลงจาก 18.59 บาทต่อกิโลกรัม เหลือ 17.90 บาทต่อกิโลกรัม (เป็นราคาที่เท่ากับราคา NGV ทั่วไป 17.90 บาทต่อกิโลกรัม)
อย่างไรก็ตาม ปตท. สนับสนุนส่วนลดราคาขายปลีก NGV สำหรับกลุ่มผู้ใช้ NGV ทั่วไปและกลุ่มผู้ขับขี่รถแท็กซี่สาธารณะในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เป็นมูลค่ากว่า 18,089 ล้านบาท ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 ถึง 2 ตุลาคม 2567
แม้ว่าภาครัฐจะเข้าใจถึงการแบกรับภาระต้นทุนก๊าซ NGV ที่ผ่านมา จนมีนโยบายให้ ปตท.ทยอยปรับราคาได้นั้น แต่จะเห็นว่าปัจจุบัน ปตท. ก็ยังคงเป็นหน่วยงานหลักที่ทำหน้าดูแลส่วนต่างราคาสำหรับกลุ่มรถโดยสารสาธารณะ ที่ยังคงเติมก๊าซNGV ในราคาที่ถูกกว่ารถยนต์ทั่วไทย ก็เพื่อบรรเทาผลกระทบจากราคาพลังงานให้กับกลุ่มคนเปราะบางต่อไปตามนโยบายของรัฐ
สำหรับทิศทางราคา NGV ในอนาคต ตาม(ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2567-2580 (Oil Plan 2024) มีการกำหนดให้ราคา NGV ต้องเป็นไปตามกลไกตลาดตั้งแต่ปี 2567-2575 พร้อมสนับสนุนให้เปลี่ยนรถโดยสารสาธารณะเป็นยานยนต์ไฟฟ้า (EV) แทนรถที่ใช้ก๊าซหุงต้ม (LPG) และ NGV ดั้งเดิม ตามนโยบาย 30@30 หรือ มาตรการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งจะต้องดำเนินการภายในปี 2567-2580 โดยตั้งเป้าหมายให้ ภายในปี ค.ศ. 2030 (พ.ศ.2573)การผลิตยานยนต์ในประเทศจะต้องเป็น EV อย่างน้อย 30% ของการผลิตรถยนต์ทั้งหมด