ปตท. ชี้ราคาน้ำมันดิบสิ้นเดือนต.ค.ปี 67 ถูกกดดัน จากเหตุขัดแย้ง “อิสราเอล-อิหร่าน” หวั่นกระทบอุปทาน

ผู้ชมทั้งหมด 465 

ราคาน้ำมันดิบตลาดโลก” ช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนตุลาคม ปี 2567 ตลาดยังคงจับตาการตอบโต้ของอิสราเอลต่ออิหร่านที่อาจกระทบต่ออุปทานน้ำมันของโลก

หน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ระบุว่า สถานการณ์ที่ตลาดจับตาในขณะนี้คือปฏิกิริยาตอบโต้ทางทหารระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน ซึ่งอาจมีผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันในตลาดโลก และสร้างความผันผวนด้านราคาน้ำมันอย่างต่อเนื่อง

เหตุการณ์ระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน: ปัจจัยเสี่ยงที่อาจกระทบอุปทานน้ำมัน

เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2567 กองทัพอิสราเอล (Israel Defense Force: IDF) ได้ดำเนินการโจมตีทางอากาศไปยังเมืองหลักในอิหร่าน เช่น Tehran, Khuzestan และ Ilam โดยมีเป้าหมายหลักที่โรงงานผลิตขีปนาวุธและโครงสร้างพื้นฐานทางทหาร การโจมตีครั้งนี้เป็นการตอบโต้จากการที่อิหร่านโจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2567 ซึ่งทำให้เกิดความกังวลว่าอาจส่งผลกระทบต่อการผลิตและการขนส่งน้ำมันดิบในภูมิภาคนี้ เนื่องจากอิหร่านเป็นหนึ่งในประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลก และการโจมตีต่อโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่อาจส่งผลให้เกิดการขาดแคลนหรือล่าช้าในอุปทานน้ำมันดิบได้

ด้านรัฐบาลสหรัฐฯ ได้เผยว่าอิสราเอลได้แจ้งให้ทราบก่อนการปฏิบัติการโจมตี แต่อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ ไม่ได้มีส่วนร่วมในเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งเป็นการยืนยันถึงการเป็นกลางของสหรัฐฯ ในการเฝ้าระวังสถานการณ์ แต่ในขณะเดียวกันการเฝ้าติดตามเหตุการณ์ก็ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจมีผลต่ออุปสงค์และอุปทานของน้ำมันในตลาดโลก

นโยบายของจีนในการจัดสรรโควตานำเข้าน้ำมันดิบปี 2568

กระทรวงพาณิชย์ของจีน ได้ประกาศการจัดสรรโควตานำเข้าน้ำมันดิบสำหรับโรงกลั่นเอกชนที่เพิ่มขึ้นสำหรับปี 2568 อยู่ที่ 5.14 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2567 ที่ 4.88 ล้านบาร์เรลต่อวัน เนื่องจากการเปิดดำเนินการของโรงกลั่นแห่งใหม่ Shandong Yulong Petrochemical ซึ่งมีกำลังการกลั่นน้ำมันดิบอยู่ที่ 200,000 บาร์เรลต่อวัน โดยมีหน่วย Crude Distillation Unit No.1 (CDU) ที่สามารถกลั่นน้ำมันดิบได้วันละ 100,000 บาร์เรล โรงกลั่นนี้จะช่วยเสริมกำลังการผลิตในประเทศจีนให้เพียงพอต่อความต้องการใช้น้ำมันที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ซึ่งโควตาการนำเข้าน้ำมันสำหรับแต่ละโรงกลั่นในรอบที่ 1/68 จะประกาศภายในสิ้นปี 2567

แนวโน้มความต้องการน้ำมันในอินเดียและข้อมูลนำเข้า-ส่งออกน้ำมันของสหรัฐฯ

Petroleum Planning and Analysis Cell (PPAC) ของอินเดียรายงานว่าปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบในเดือนกันยายน 2567 ลดลงถึง 8% จากเดือนก่อนหน้า เหลือเพียง 4.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งนับเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2567 ปัจจัยหลักคือการชะลอตัวของอุปสงค์ในช่วงฤดูมรสุมระหว่างเดือนมิถุนายนถึงกันยายน ซึ่งเป็นช่วงที่มีปริมาณการใช้น้ำมันลดลงเป็นปกติ

ส่วนรายงานของสำนักงานข้อมูลพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) พบว่าสหรัฐฯ ได้ลดปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 18 ตุลาคม 2567 ลดลง 11,000 บาร์เรลต่อวัน จากสัปดาห์ก่อนหน้า เหลือ 4.11 ล้านบาร์เรลต่อวัน แต่ในทางกลับกัน สหรัฐฯ กลับเพิ่มปริมาณการนำน้ำมันเข้าประเทศ 902,000 บาร์เรลต่อวัน จากสัปดาห์ก่อนหน้า ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่ามีความต้องการใช้น้ำมันในประเทศมากขึ้น หรือเป็นการปรับยุทธศาสตร์เพื่อสำรองน้ำมันเพิ่มเติมในกรณีที่เกิดความไม่แน่นอนในอุปทานน้ำมันจากเหตุการณ์ความไม่สงบในภูมิภาคตะวันออกกลาง

สถานการณ์ตลาดน้ำมันประจำสัปดาห์วันที่ 21 – 25 ต.ค. 67 และแนวโน้มสัปดาห์วันที่ 28 ต.ค. – 1 พ.ย. 67

ตารางราคาน้ำมันเฉลี่ยรายสัปดาห์ [เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ]

ขณะที่ บริษัท ในกลุ่มปตท. อย่าง  ไทยออยล์ รายงานบทวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมันประจำสัปดาห์ ระหว่างวันที่ 28 ต.ค. – 1 พ.ย. 67 โดยคาดว่า ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 66-76 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์ เคลื่อนไหวที่กรอบ 71-81 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล