ผู้ชมทั้งหมด 67
ในโลกที่เศรษฐกิจชุมชนมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาประเทศไทย การสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ชุมชนไม่ได้เป็นเพียงการสร้างรายได้ แต่ยังช่วยเชื่อมโยงผู้คนกับรากฐานวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่นอย่างลึกซึ้ง ด้วยแนวคิดนี้ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ได้จัดโครงการ “Spark the Local 2024 by PTT ปั้นให้ปัง…จุดพลังให้สินค้าชุมชน” เพื่อเป็นเวทีสำหรับคนรุ่นใหม่ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปของชุมชน ภายใต้ธีม “ปรับปรุง แปลงโฉม ปั้นแบรนด์”
จุดเริ่มต้นของการปั้นฝันให้เป็นจริง
กว่า 300 ผลงาน จากทั่วประเทศถูกส่งเข้าร่วมประกวดในโครงการนี้ โดยมีเป้าหมายเพื่อค้นหาผลงานที่สามารถสะท้อนเอกลักษณ์ของชุมชนและสร้างความประทับใจให้กับตลาด ผลงานที่โดดเด่นผ่านการคัดเลือกอย่างเข้มข้นจนเหลือเพียง 5 ทีมสุดท้าย ที่ได้แสดงศักยภาพในงาน ร้านเด็ดแฟร์ 6 ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2567 ณ สยามสแควร์
รางวัลแห่งความมุ่งมั่นและความสร้างสรรค์
ในรอบชิงชนะเลิศ คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากหลากหลายสาขา รวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนและการตลาด ประกอบด้วย คุณวรุตม์สุรางค์ ธรรมอารี ผู้จัดการฝ่ายกิจการเพื่อสังคม บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) อาจารย์ขาบ – สุทธิพงษ์ สุริยะ Food Stylist ผู้ออกแบบแนวคิด “นำ Local สู่ เลอค่า” คุณตั้ม – นิพนธ์ พิลา เกษตรกรดีไซน์เนอร์ ผู้ก่อตั้งวิสาหกิจชุมชนพิลาฟาร์มสตูดิโอ คุณมยุรา ปรารถนาเปลี่ยน ผู้จัดการแผนกออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ สถาบันอาหาร และ คุณซ้อบรีม – ศิริพร มัจฉิม ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดใน TikTok ที่มีผู้ติดตามกว่า 1.2 ล้าน ได้ร่วมตัดสินผลงานที่มีศักยภาพในการพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์
ทีมชนะเลิศ ยกระดับไอศกรีมกะทิ สะท้อนอัญมณีอ่าวไทย
ทีม Samui Sigma จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คว้ารางวัลชนะเลิศ พร้อมเงินรางวัล 100,000 บาท ด้วยการยกระดับ ไอศกรีมกะทิ ของวิสาหกิจชุมชนกลุ่มแปรรูปผลิตภัณฑ์มะพร้าวสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ให้กลายเป็น ไอศกรีมกะทิพรีเมียมแบบถ้วย ภายใต้ชื่อแบรนด์ Creamui ที่สะท้อนเอกลักษณ์ของเกาะสมุย หรือ อัญมณีอ่าวไทย ได้อย่างโดดเด่น
ทีมรองชนะเลิศ อันดับ 1 ดันสมุนไพรท้องถิ่นสู่เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ
ทีม KOS จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง สร้างความประทับใจด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ “คอมบูชาจากใบขลู่” ผลิตภัณฑ์นี้ดึงเอาเอกลักษณ์และคุณประโยชน์ของสมุนไพรท้องถิ่นอย่างใบขลู่จาก วิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์ควนเนียงสวนลุงจิม จังหวัดสงขลา มาผสมผสานในบรรจุภัณฑ์ทันสมัย พร้อมตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพ การพัฒนาครั้งนี้ส่งผลให้ทีม KOS คว้ารางวัลเงินสด 70,000 บาท ไปครอง
ทีมรองชนะเลิศ อันดับ 2 ชูเพิ่มมูลค่าข้าวอินทรีย์
ทีม NAGOYASH จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ขนมข้าวพองอบกรอบ “POP RICE” ภายใต้แบรนด์ นาโกย๊าช ด้วยวัตถุดิบคุณภาพสูงจาก วิสาหกิจชุมชนกลุ่มข้าวอินทรีย์เป็นสุขนาโก จังหวัดกาฬสินธุ์ ผลิตภัณฑ์นี้ไม่เพียงสะท้อนความหอมอร่อยของข้าวอินทรีย์ท้องถิ่น แต่ยังนำเสนอในรูปแบบที่เหมาะกับตลาดสมัยใหม่ ทำให้ทีมคว้ารางวัลเงินสด 50,000 บาท พร้อมเสียงชื่นชมในความคิดสร้างสรรค์
รางวัลที่เต็มเปี่ยมด้วยไอเดียสร้างสรรค์
2 ทีมสุดท้าย ที่คว้ารางวัลชมเชย ได้รับรางวัลเงินสดทีมละ 10,000 บาท และได้รับการยอมรับในฐานะตัวแทนของคนรุ่นใหม่ที่สามารถนำภูมิปัญญาชุมชนมาพัฒนาสู่ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ตลาดได้อย่างลงตัว ได้แก่
ทีมสาธุ จากมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่สะท้อนภูมิปัญญาชาวบ้านจาก ชุมชนเกาะเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ด้วย “ชาหน่อกะลาปรุงสำเร็จ” สู่แบรนด์ Koh Chá ผลิตภัณฑ์นี้ใช้หน่อกะลาซึ่งเป็นวัตถุดิบธรรมชาติที่หาได้ในท้องถิ่น ผสมผสานกับการแปรรูปในรูปแบบชาสำเร็จรูปที่สะดวกต่อการบริโภค
ความพิเศษของ Koh Chá อยู่ที่ความตั้งใจในการถ่ายทอดรสชาติและกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ของหน่อกะลา รวมถึงการเล่าเรื่องราวของชุมชนเกาะเกร็ดผ่านแบรนด์ ทำให้ผลิตภัณฑ์นี้ไม่เพียงแต่ดึงดูดผู้บริโภคที่รักสุขภาพ แต่ยังช่วยเชื่อมโยงคนรุ่นใหม่กับวัฒนธรรมท้องถิ่นได้อย่างลึกซึ้ง
ทีมหมายจันทร์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ร่วมกันสร้างผลิตภัณฑ์ “กัมมี่มะปี๊ด” ภายใต้แบรนด์ CHAMY โดยหยิบยกวัตถุดิบพื้นถิ่นที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักอย่างมะปี๊ด จาก วิสาหกิจชุมชนสภากาแฟฅนจันทบูร จังหวัดจันทบุรี (แบรนด์ Rabbit Chan) มาต่อยอด
กัมมี่มะปี๊ด ไม่เพียงเป็นขนมที่แปลกใหม่ แต่ยังเปี่ยมด้วยคุณประโยชน์จากมะปี๊ดที่มีวิตามินซีสูงและรสชาติเปรี้ยวอมหวานที่โดดเด่น จุดเด่นของผลิตภัณฑ์นี้คือการนำเสนอในรูปแบบขนมที่เข้าถึงง่ายสำหรับทุกเพศทุกวัย พร้อมด้วยบรรจุภัณฑ์ที่ดึงดูดใจและบอกเล่าเรื่องราวของภูมิปัญญาชาวจันทบุรีได้อย่างสร้างสรรค์
ผู้ได้รับรางวัลทุกทีมได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพและความคิดสร้างสรรค์ในการนำวัตถุดิบและภูมิปัญญาท้องถิ่นมาพัฒนาสู่ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่าและทันสมัย โครงการนี้ไม่เพียงสร้างแรงบันดาลใจ แต่ยังผลักดันให้สินค้าชุมชนก้าวเข้าสู่ตลาดใหม่ๆ อย่างยั่งยืน
หัวใจสู่ความสำเร็จของการปั้นแบรนด์สินค้าชุมชน
โครงการนี้ ถูกออกแบบมาเพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์ชุมชนที่ครอบคลุมใน 3 มิติหลัก ผ่านการกำหนดแนวคิด “ปรับ-แปลง-ปั้น” ประกอบด้วย
- ปรับและปรุง: เสริมรสชาติและคุณภาพสินค้าให้ตรงใจตลาด
- แปลงโฉม: สร้างบรรจุภัณฑ์ที่ทันสมัยและน่าสนใจ
- ปั้นแบรนด์: สื่อสารเรื่องราวที่สะท้อนความเป็นเอกลักษณ์ของชุมชน
แนวคิดนี้ ปตท. ไม่เพียงแต่จุดประกายพลังของคนรุ่นใหม่ แต่ยังวางรากฐานการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับชุมชน พร้อมสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยเข้มแข็งไปอีกขั้น
พลังคนรุ่นใหม่ จุดเปลี่ยนสู่ความยั่งยืน
ปตท.ใช้เวลากว่า 5 เดือนกับการเฟ้นหาคนรุ่นใหม่ ที่มีใจรักในการพัฒนาสินค้าชุมชน ประเภทอาหารแปรรูป ผ่านการประกาศเชิญชวนผู้สนใจ ร่วมส่งผลงานเข้าประกวด “Spark the Local 2024 by PTT ปั้นให้ปัง…จุดพลังให้สินค้าชุมชน” ระหว่างวันที่ 15 กรกฎาคม – 9 กันยายน 2567 โดยกำหนดคุณสมบัติและเงื่อนไขการสมัคร ซึ่ง ผู้สมัคร จะต้องมีอายุระหว่าง 18-40 ปี และมีจำนวนสมาชิกในทีมไม่เกิน 5 คน/ทีม เพื่อร่วมชิงเงินรางวัล มูลค่ารวม 240,000 บาท พร้อมโอกาสในการเข้าร่วมโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนกับ ปตท.
โครงการ Spark the Local 2024 by PTT ปั้นให้ปัง จุดพลังให้สินค้าชุมชน ปตท. ไม่ได้เป็นเพียงการแข่งขัน แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่เห็นความสำคัญของการเชื่อมโยงชุมชนกับตลาดยุคใหม่ ช่วยเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจและคุณค่าทางวัฒนธรรม พร้อมสร้างผลลัพธ์เชิงบวกทั้งต่อชุมชนในระยะยาวและต่อ ปตท. ในฐานะองค์กรที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศอย่างยั่งยืน