ผู้ชมทั้งหมด 52
ปตท. ปรับขึ้นราคา NGV ทั่วไป 10 สตางค์ต่อกิโลกรัม อยู่ที่ 18.80 บาทต่อกิโลกรัม ถือเป็นการปรับขึ้นต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 2 ของปี 2568 สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ขณะที่ราคา NGV กลุ่มรถแท็กซี่ ตรึงราคาที่ 15.59 บาทต่อกิโลกกรัม และกลุ่มรถโดยสารสาธารณะ หมวด 2 และหมวด 3 คงราคาอยู่ที่ 18.59 บาทต่อกิโลกรัม มีผลตั้งแต่ 16 มี.ค.- 15 เม.ย.68
บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ประกาศปรับขึ้นราคา NGV ทั่วไป จำนวน 10 สตางค์ต่อกิโลกรัม ส่งผลให้ราคา อยู่ที่ 18.80 บาทต่อกิโลกรัม มีผลระหว่างวันที่ 16 มีนาคม 2568 ถึง 15 เมษายน 2568 จากเดือนที่ผ่านมา ราคาอยู่ที่ 18.70 บาทต่อกิโลกรัม นับเป็นการปรับขึ้นต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 2 ของปีนี้ ส่งผลให้ราคา NGV ทั่วไปดังกล่าวมีราคาสูงที่สุดในปี2568 เพื่อสะท้อนกลไกต้นทุนที่แท้จริง โดยในส่วนของราคา NGV สำหรับรถยนต์ทั่วไป ทาง ปตท.จะพิจารณาราคาทุกๆ 1 เดือน
ขณะที่การปรับราคา NGV สำหรับรถโดยสารธารณะ ล่าสุด รอบวันที่ 16 มีนาคม 2568 ถึง 15 เมษายน 2568 ราคามีการเปลี่ยนแปลงดังนี้
กลุ่มรถแท็กซี่และรถโดยสารสาธารณะ หมวด 1 และหมวด 4 (ไม่รวมรถ ขสมก.) ราคาคงเดิม อยู่ที่ 15.59 บาทต่อกิโลกรัม
กลุ่มรถโดยสารสาธารณะ หมวด 2 และหมวด 3 ราคาคงเดิม อยู่ที่ 18.59 บาทต่อกิโลกรัม (เป็นราคาที่ถูกว่าราคา NGV ทั่วไป 0.21 บาทต่อกิโลกรัม)
อย่างไรก็ตาม ปตท. สนับสนุนส่วนลดราคาขายปลีก NGV สำหรับกลุ่มผู้ใช้ NGV ทั่วไปและกลุ่มผู้ขับขี่รถแท็กซี่สาธารณะในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เป็นมูลค่า 18,219 ล้านบาท ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 ถึง 5 มีนาคม 2568

ที่ผ่านมา กระทรวงพลังงาน ได้ขอความร่วมมือ ปตท. ช่วยตรึงราคา NGV มาตั้งแต่ปี 2564 ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดย ปตท. ได้จัดทำเป็น “โครงการ NGV เพื่อลมหายใจเดียวกัน” และช่วยตรึงราคา NGV ไว้ที่ 14.62 บาทต่อกิโลกรัม สำหรับผู้ใช้ NGV ทุกราย โดยตลอดปี 2564-2566 ปตท. ได้แบกรับภาระค่า NGV ไว้ประมาณ 17,000 ล้านบาท
ต่อมาเมื่อสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง ในปี 2567 กระทรวงพลังงานพิจารณาเห็นว่าเศรษฐกิจประเทศยังชะลอตัว จึงขอความร่วมมือ ปตท. ให้ช่วยตรึงราคา NGV ต่อไปอีก 2 ปี ตั้งแต่ปี 2567-2568 ดังนั้นทาง ปตท. จึงได้ปรับเปลี่ยนจาก “โครงการ NGV เพื่อลมหายใจเดียวกัน” มาเป็น “โครงการบัตรสิทธิประโยชน์กลุ่มรถโดยสารสาธารณะ” พร้อมกับการปรับเปลี่ยนราคาใหม่
โดยแบ่งเป็นกลุ่มผู้ใช้ NGV ทั่วไป จะไม่ได้รับการช่วยเหลือและต้องซื้อ NGV ในราคาที่เป็นไปตามกลไกตลาด ส่วนกลุ่มรถแท็กซี่และรถโดยสารสาธารณะจะยังได้รับการช่วยเหลือ แต่ก็มีการขยับราคาจากที่ตรึงไว้ที่ 14.62 บาทต่อกิโลกรัม ขยับขึ้นมาเป็น 15.59 บาทต่อกิโลกรัมจนถึงปัจจุบัน ทำให้ภาระค่า NGV ที่ ปตท. ต้องแบกรับไว้ลดลง เหลือประมาณปีละเกือบ 1,100 ล้านบาท จากเดิม 3 ปี (พ.ศ. 2564-2566) แบกภาระต้นทุน NGV ไว้ถึงประมาณ 17,000 ล้านบาท
