ผู้ชมทั้งหมด 2,383
การท่าเรือฯ อัพเดทความคืบหน้าโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 อยู่ระหว่างพิจารณาร่างสัญญา คาดสามารถลงนามสัญญากับปตท.-กัลฟ์-ไชน่าอาร์เบอร์ ได้ปลาย มิ.ย. หรือต้นเดือน ก.ค.นี้
เรือโท กมลศักดิ์ พรหมประยูร ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2564 คณะกรรมการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนโครงการฯ เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการฯ ครั้งที่ 3/2564 หลังจากที่ คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบผลประโยชน์ตอบแทนภาครัฐของโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ค่าสัมปทานคงที่ 35 ปีมูลค่าสุทธิที่ 29,050 ล้านบาท และให้คณะกรรมการคัดเลือกฯ ดำเนินการให้เป็นไปตามประกาศฯ กฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด
โดยที่ประชุมได้พิจารณาซองที่ 4 ผลประโยชน์ตอบแทนด้านการเงินและมีมติเห็นชอบกลุ่มกิจการร่วมค้า GPC ประกอบด้วย บริษัท พีทีที แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด (บริษัทในกลุ่ม ปตท.) บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเม้นท์ (GULF) และ China Harbour Enginerring Company Limited ผ่านการประเมินซองที่ 4 และได้ทำการเปิดเอกสารข้อเสนอซองที่ 5 ซองข้อเสนอแนะในการเพิ่มประสิทธิภาพของโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ต่อหน้าผู้แทนกลุ่มกิจการร่วมค้า GPC และได้มีมติตั้งคณะทำงานพิจารณาร่างสัญญาร่วมทุนโดยมี ผู้แทนของกรรมการคัดเลือกฯจากสำนักงานอัยการสูงสุดเป็นหัวหน้าคณะทำงาน
อย่างไรก็ตามสำหรับข้อเสนอซองที่ 5 นั้นเป็นข้อเสนอทางเทคนิคพิเศษ ซึ่งอาจจะเป็นไปได้ว่าทาง กลุ่มกิจการร่วมค้า GPC จะติดตั้งระบบ 5 G ในโครงการท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของท่าเรือ ซึ่งการเสนอซองที่ 5 นั้นจะไม่มีผลต่อการพิจารณาในการลงนามเซ็นสัญญาแต่อย่างใด ทั้งนี้โครงการพัฒนาท่เรือแหลมฉบังระยะที่ 3 นั้นมีกรอบวงเงินลงทุน 84,361 ล้านบาท
ทั้งนี้ในขั้นตอนการพิจารณาร่างสัญญาโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 นั้นเมื่อพิจารณาแล้วเสร็จก็จะเสนอให้อัยการสูงสุดพิจารณาอีกครั้ง ก่อนเสนอสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษ ภาคตะวันออก (สกพอ.) ลงนามในคำสั่งต่อไป คาดว่าจะใช้ระยะเวลาในการพิจารณาประมาณ 2 เดือนบวก ลบ โดยคาดว่าจะสามารถลงนามในสัญญาร่วมกับกลุ่มกิจการร่วมค้า GPC ได้ประมาณช่วงปลายเดือน มิถุนายน หรือ ช่วงต้นเดือน กรกฎาคม 2564