ผู้ชมทั้งหมด 728
บ้านปู ส่งบริษัทย่อยในสหรัฐฯ “BKV” ผนึก “EnLink” ลุยพัฒนาโครงการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ครอบคลุมแหล่งก๊าซธรรมชาติบาร์เนตต์ ในรัฐเท็กซัส คาด ดำเนินการเชิงพาณิชย์ปี 66
บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านพลังงานที่หลากหลายในระดับนานาชาติ ขับเคลื่อนครั้งใหญ่สู่เป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) และก๊าซมีเทน (CH4) อย่างเป็นรูปธรรม โดย BKV Corporation (BKV) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบ้านปูในสหรัฐอเมริกา ได้บรรลุข้อตกลงพัฒนาโครงการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Capture and Sequestration: CCS) ร่วมกับบริษัท EnLink Midstream, LLC (EnLink) ผู้ให้บริการระบบกลางน้ำด้านพลังงาน (ระบบแยก อัดก๊าซ และท่อขนส่งก๊าซธรรมชาติ) รายใหญ่ในสหรัฐฯ
โดยโครงการดังกล่าวดำเนินการครอบคลุมแหล่งก๊าซธรรมชาติบาร์เนตต์ ในรัฐเท็กซัส คาดว่า พร้อมดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ ภายในปี 2566 สนับสนุนการยกระดับความยั่งยืนในกระบวนการผลิต ตอกย้ำหลัก ESG และจุดยืน “Smarter Energy for Sustainability” ของบ้านปู
นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โครงการ CCS ที่ BKV ร่วมพัฒนากับ EnLink นับเป็นหนึ่งในโครงการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เชิงพาณิชย์โครงการแรกที่เกิดขึ้นครั้งแรกในสหรัฐฯ ทั้งนี้เพื่อช่วยลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากกระบวนการผลิตและการขนส่งก๊าซธรรมชาติ โดย EnLink จะขนส่งก๊าซธรรมชาติของ BKV ที่ถูกผลิตจากแหล่งก๊าซธรรมชาติบาร์เนตต์ผ่านท่อขนส่งไปยังโรงงานแยก และอัดก๊าซ ในรัฐเท็กซัส ซึ่งในระหว่างกระบวนการดังกล่าว ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จะถูกดักจับ บีบอัด และขนส่งกลับไปหลุมใต้ดินของ BKV เพื่อจัดเก็บ และไม่มีการปล่อยกลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศอีก
“การลงทุนในโครงการ CCS เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จในการร่วมมือและสร้างพลังร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจในการพัฒนากระบวนการผลิตให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น พร้อมทั้งยกระดับการพัฒนาความยั่งยืน ซึ่งจะช่วยผลักดันให้บ้านปูเข้าสู่เป้าหมายในการเข้าร่วมสังคมคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Society) ได้เร็วมากขึ้น”
ทั้งนี้ บ้านปู ในฐานะผู้นำด้านพลังงานที่หลากหลายในระดับนานาชาติภายใต้กลยุทธ์ Greener & Smarter ได้มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจอย่างใส่ใจสิ่งแวดล้อม โดยหนึ่งในการดำเนินงานที่สำคัญของบ้านปู คือ การแสวงหาเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพมาใช้ในการบริหารจัดการก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) และก๊าซมีเทน (CH4) ในทุกกระบวนการดำเนินธุรกิจ ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ เพื่อลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งสอดรับกับทั้งเทรนด์พลังงานโลก และนโยบายของภาครัฐในทุกประเทศที่บ้านปูเข้าไปดำเนินธุรกิจ
อย่างไรก็ตาม บ้านปูยึดมั่นในหลัก ESG ที่คำนึงถึงด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการ และถือเป็นแนวทางในทุกกระบวนการดำเนินธุรกิจ โดยที่ผ่านมาบ้านปูนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่ตอบโจทย์การลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมาใช้ในกระบวนการผลิต เช่น เทคโนโลยี Combined Cycle Gas Turbines (CCGT) ในโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple I ในสหรัฐฯ และเทคโนโลยีผสมผสานในการแปลงสถานะถ่านหินให้กลายเป็นก๊าซเพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้า (Integrated Gasification Combined Cycle: IGCC) ในโรงไฟฟ้านาโกโซ ในญี่ปุ่น ทั้งนี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้เชื้อเพลิงและลดการปล่อยมลสาร รวมทั้งเน้นลงทุุนในธุุรกิจพลังงานที่สะอาดขึ้นและเทคโนโลยีพลังงาน ทั้งนี้เพื่อตอบสนองความต้องการด้านพลังงานแห่งอนาคตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมีความชาญฉลาดด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย
นายคริสโตเฟอร์ กาลนิล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BKV Corporation ในสหรัฐฯ เผยว่า BKV มุ่งสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งให้ธุรกิจก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ ของบ้านปูอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันยังคงดำเนินธุรกิจตามหลักความยั่งยืน โดยจัดตั้งหน่วยงานดีคาร์บอน เวนเจอร์ส(dCarbon Ventures) ขึ้นเพื่อสนับสนุนการเติบโตของ BKV อย่างยั่งยืนในอนาคต รวมถึงขับเคลื่อนนวัตกรรม และพัฒนาโครงการ CCS ซึ่งเป็นหนึ่งในการดำเนินงานที่ช่วยผลักดันเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมอย่างมีนัยสำคัญ โดยคาดว่าจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) และก๊าซมีเทน (CH4) ในปัจจุบันของ BKV ประมาณร้อยละ 10 ถือเป็นก้าวสำคัญของการเดินหน้าสู่เป้าหมายของ BKV ในการปล่อยก๊าซดังกล่าวสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2568