ผู้ชมทั้งหมด 1,055
บี.กริม ฟาร์มา ผู้นำการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพครบวงจร ปักหมุดออฟฟิศใหม่ เดินหน้ารุกธุรกิจสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน เตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่กว่า 6 รายการในปี 67
ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บี.กริม เปิดเผยว่า บี.กริม ฟาร์มา ผู้นำการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพครบวงจรของประเทศไทย ที่อยู่ภายใต้กลุ่มธุรกิจด้านสุขภาพ ซึ่งเป็น 1 ใน 3 หมวดธุรกิจหลักของ บี.กริม ได้ประกาศย้ายสำนักงานใหญ่มาอยู่ใจกลางเมือง ณ อาคาร อัลม่า ลิงค์ ถนนชิดลม ทำเลที่สะดวกต่อการเดินทางและเชื่อมต่อกับถนนหลายสาย เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง
พร้อมเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ยารักษาโรคใหม่จำนวน 6 รายการ ภายในปี 2567 นี้ ซึ่งจะครอบคลุม 4 กลุ่มโรค ประกอบด้วย 1. กลุ่มยารักษาโรคหัวใจและหลอดเลือด 2. กลุ่มยารักษาโรคระบบประสาทและจิตเวช 3. กลุ่มยารักษาโรคกระดูกและกล้ามเนื้อ 4. กลุ่มยารักษาโรคระบบทางเดินอาหาร เนื่องจากปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ป่วยในกลุ่มโรคดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก บี.กริม ฟาร์มาจึงมุ่งมั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ยาที่มีคุณภาพ ด้วยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้ เพื่อยกระดับขีดความสามารถด้านการค้นคว้าวิจัยและการพัฒนา ให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ควบคู่กับการส่งเสริมการเข้าถึงยารักษาโรคของผู้คนในสังคม
“บี.กริมต้องการส่งเสริมการเข้าถึงยาและผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพที่มีคุณภาพให้แก่ผู้คนในสังคม มุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์สิ่งดีๆ เพื่อช่วยยกระดับมาตรฐานความเป็นอยู่ และคุณภาพชีวิตของผู้คนให้ดีขึ้น โดยตั้งเป้าจำนวนผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยผลิตภัณฑ์ยาของ บี.กริม ฟาร์มา ไว้ทั้งสิ้น 4.5 ล้านคนภายในปี 2573 สะท้อนให้เห็นถึงความทุ่มเทอย่างแน่วแน่ของ บี.กริม ในการสร้างสรรค์คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นสำหรับทุกคน”
ทั้งนี้บี.กริม ฟาร์มา มีโรงงานผลิตและค้นคว้าวิจัยยา และผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพ โดยทีมเภสัชกร รวมถึงนักวิทยาศาสตร์ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ ทำให้มั่นใจได้ถึงคุณภาพ อีกทั้ง ยังได้รับการรับรองทั้งในด้านประสิทธิภาพและคุณภาพตามมาตรฐานสากล อาทิ PIC/S GMP, ISO 9001:2015 นอกจากนี้ ยังมีทีมงานมืออาชีพด้านการขายและการตลาดของ บี.กริม ฟาร์มา และบริษัทในเครือประกอบด้วย ยูนีซัน เมดไลน์ เอฟ.ซี.พี. และ ออล รีเสิร์ช โดยมีผลิตภัณฑ์หลากหลายประเภท ได้แก่ ยา และ เวชภัณฑ์ ตลอดจนกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารเสริม เวชสำอาง และเครื่องมือแพทย์ รองรับทุกความต้องการที่หลากหลายด้านการรักษาโรค
นางสาวคาโรลีน ลิงค์ ประธานร่วม บี.กริม ฟาร์มา กล่าวว่า การย้ายสำนักงานใหญ่มาอยู่ที่อาคารอัลม่า ลิงค์ ในโอกาสนี้ ถือเป็นจังหวะที่ดีสำหรับ บี.กริม ฟาร์มา ในการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจ นอกจากนี้บริษัทยังได้แต่งตั้ง นายกิตติศักดิ์ ดำรงธนานุรักษ์ เป็นรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ของ บี.กริม ฟาร์มา ซึ่งจะเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความสำเร็จตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ด้วย ประสบการณ์ในธุรกิจอุตสาหกรรมยามากว่า 30 ปี ทำให้มั่นใจได้ว่าธุรกิจของบี.กริม ฟาร์มา จะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ความเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์ในครั้งนี้ เป็นการตอกย้ำจุดยืนของ บี.กริม ฟาร์มา ในฐานะหนึ่งในผู้นำด้านอุตสาหกรรมยาของประเทศไทย
บี.กริม ฟาร์มา ยังคงมุ่งมั่นในเรื่องนวัตกรรม และคุณภาพ พร้อมให้ความสำคัญในการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม สำหรับการย้ายสำนักงานใหญ่จากเดิมที่ตั้งอยู่บนถนนลาดกระบัง มาอยู่ที่อาคารอัลม่า ลิงค์ ถนนชิดลม ซึ่งเป็นย่านใจกลางเมือง คมนาคมสะดวกด้วยรถไฟฟ้า ถือเป็นการขยายโอกาสทางธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโต ทำให้สามารถอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าและพันธมิตรได้มากขึ้น
นายกิตติศักดิ์ ดำรงธนานุรักษ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บี.กริม ฟาร์มา กล่าวว่า ด้วยแนวทางในการดำเนินธุรกิจที่ตั้งอยู่บนหลักการของการดำเนินงานและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง ควบคู่กับการวางแผนเชิงกลยุทธ์ และไปป์ไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่จำนวนมาก ตลอดจนการเพิ่มประสิทธิภาพด้านการบริหารจัดการและการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้ ทำให้เชื่อมั่นว่า บี.กริม ฟาร์มา จะสามารถบรรลุเป้าหมายในการส่งเสริมการเข้าถึงยาและผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพที่มีคุณภาพ นอกจากนี้ทีมงานของบี.กริม ฟาร์มา ทุกคนจะทุ่มเททำงานเพื่อช่วยส่งเสริมให้ผู้คนในสังคมมีสุขภาพที่ดียิ่งขึ้น
บี.กริม ฟาร์มา ในฐานะหนึ่งในผู้นำด้านอุตสาหกรรมยาของประเทศไทยได้มุ่งมั่นที่จะพัฒนาด้านการวิจัยค้นคว้าและผลิตยารักษาโรคเพื่อช่วยเหลือผู้คนจำนวนมาก นอกจากรายการยารักษาโรคใหม่ที่เตรียมจะทยอยเปิดตัวปีนี้แล้ว บี.กริม ฟาร์มา ยังมีผลิตภัณฑ์ยาที่อยู่ระหว่างการขอขึ้นทะเบียนตำรับยาอีกเป็นจำนวนมาก
บี.กริม ฟาร์มา มุ่งดำเนินธุรกิจเพื่อส่วนรวมและสังคม โดยเน้นที่หลักจริยธรรม และยึดปรัชญาในการดำเนินธุรกิจด้วยความโอบอ้อมอารี ส่งเสริมการเข้าถึงยารักษาโรคและผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพที่มีคุณภาพให้แก่ผู้ป่วย เพื่อช่วยยกระดับมาตรฐานความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตของผู้คนให้ดีขึ้น