ผู้ชมทั้งหมด 800
“บี.กริม เพาเวอร์” จับมือ “อินโนพาวเวอร์” พัฒนานวัตกรรมพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีดิจิทัลที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตอบโจทย์การขับเคลื่อนประเทศไทยมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ
นายนพเดช กรรณสูต รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส – การลงทุน นวัตกรรม และความยั่งยืนบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ บี.กริม เพาเวอร์ บริษัทผู้ผลิตพลังงานชั้นนำระดับโลก และนายอธิป ตันติวรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินโนพาวเวอร์ จำกัด ผู้นำด้านนวัตกรรมพลังงาน ร่วมลงนามบันทึกความร่วมมือ (MOU) ระหว่าง บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ สมาร์ท โซลูชั่น จำกัด (ในเครือบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน)) และ บริษัท อินโนพาวเวอร์ จำกัด เพื่อร่วมกันพัฒนานวัตกรรมพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีดิจิทัล ชูแนวคิดเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตอบโจทย์การขับเคลื่อนประเทศไทยมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ โดยพิธีลงนามฯ จัดขึ้น ณ สำนักงานใหญ่ บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ถนนกรุงเทพกรีฑา
สำหรับการลงนามความร่วมมือของทั้งสองบริษัทดังกล่าว ประกอบด้วย 5 หัวข้อหลักดังต่อไปนี้
1. การศึกษาการใช้เทคโนโลยีผลิตไฟฟ้าในรูปแบบของเชื้อเพลิงไฮโดรเจน (Hydrogen) เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
2. การพัฒนาและประยุกต์ใช้แพลตฟอร์มการบริหารจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อลดการปล่อยมลพิษและก๊าซเรือนกระจกของลูกค้าในภาคอุตสาหกรรม
3. การสนับสนุนด้านนวัตกรรมการตลาดและด้านนวัตกรรมการจัดการ เพื่อรองรับรูปแบบการซื้อขายใบรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Certificate: REC) โดยใบรับรองเหล่านี้มาจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนที่สำคัญ ได้แก่ พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานน้ำ และพลังงานชีวมวล ซึ่งได้รับการยอมรับด้วยมาตรฐานใบรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียนในระดับสากล (The International REC Standard : I-REC)
4. การสร้างสรรค์นวัตกรรมของระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า (EV Ecosystem) ด้วยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของโครงข่ายไฟฟ้าขนาดใหญ่และสิ่งอำนวยความสะดวกในการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าสาธารณะ เพื่อส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
5. การเป็นพันธมิตรทางธุรกิจในการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ (Venture Capital) เพื่อต่อยอดธุรกิจนวัตกรรมพลังงานใหม่ๆ ในอนาคต รวมถึงการลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพเพื่อผลักดันและเพิ่มขีดความสามารถในการสร้างมูลค่าจากธุรกิจใหม่
นายนพเดช กล่าวว่า ความร่วมมือกับ อินโนพาวเวอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมพลังงานสะอาด ในการแบ่งปันองค์ความรู้ ประสบการณ์ และนำมาประยุกต์ใช้ในการคิดค้นเทคโนโลยีดิจิทัล ต่อยอดนวัตกรรมและพัฒนาโซลูชันอย่างมีประสิทธิภาพ นำไปสู่การเปลี่ยนผ่านสู่อนาคตของพลังงานคาร์บอนต่ำ เพื่อช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและคาร์บอนไดออกไซด์ให้น้อยที่สุด สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ GreenLeap – Global and Green ของ บี.กริม เพาเวอร์ ที่มุ่งสร้างผลเชิงบวกให้กับสิ่งแวดล้อม ด้วยการสนับสนุนพลังงานหมุนเวียน จัดหาพลังงานที่สะอาดยั่งยืนและมีเสถียรภาพในระดับสูง สนับสนุนลูกค้าภาคอุตสาหกรรมในการเปลี่ยนผ่านสู่อนาคตของพลังงานคาร์บอนต่ำ พร้อมก้าวสู่เป้าหมายขององค์กรที่มีการ ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net-Zero Carbon Emissions ภายในปี ค.ศ. 2050 (พ.ศ. 2593)”
“บี.กริม เพาเวอร์ ดำเนินธุรกิจภายใต้วิสัยทัศน์ ‘สร้างพลังให้กับสังคมโลกด้วยความโอบอ้อมอารี’ ด้วยความมุ่งมั่นในการส่งมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า คู่ค้า สังคม ประเทศชาติและสิ่งแวดล้อม โดยยึดมั่นในการกำกับดูแลกิจการที่ดีภายใต้หลักธรรมาภิบาลและการจัดการห่วงโซ่คุณค่าอย่างรับผิดชอบ พร้อมให้ความสำคัญสูงสุดต่อการปฏิบัติงานตามแนวทางการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน”
นายอธิป กล่าวว่า อินโนพาวเวอร์ พร้อมสนับสนุนก้าวสำคัญของการพัฒนาและเลือกใช้เทคโนโลยี รวมถึงนวัตกรรมแห่งอนาคตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้ประสบความสำเร็จ พร้อมเล็งเห็นการแบ่งปันประสบการณ์และความร่วมมือ จะเป็นตัวเร่งที่สำคัญในการพัฒนาสู่ความยั่งยืน สอดรับเป้าหมายของเราที่มุ่งมั่น จะผลักดันให้เกิดการลงทุนในธุรกิจพลังงานสะอาดและพัฒนานวัตกรรมสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ให้ดีขึ้น ปัจจุบันอินโนพาวเวอร์มีการลงทุนและพัฒนาธุรกิจทั้งใน ไทยและต่างประเทศ เพื่อสร้างสังคมที่ยั่งยืนด้วยนวัตกรรมพลังงาน รวมถึงธุรกิจ REC ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดที่ช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการบริหารจัดการต้นทุนด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ อินโนพาวเวอร์ ยังผลักดันระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า (EV Ecosystem) ด้วยการนำ EV Charger ที่มีมาตรฐานสากลอย่าง Wallbox จากประเทศสเปนมาสู่ตลาดประเทศไทย สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่ www.innopower.co.th”
“ความร่วมมือครั้งนี้ จะเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้แก่ทั้งสองบริษัทฯ สามารถขยายงานด้านพลังงานทดแทนเพื่อสิ่งแวดล้อมได้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการบริหารจัดการต้นทุนด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มโอกาสให้แก่ผู้ประกอบการสามารถแข่งขันทางการค้าในตลาดโลกได้ด้วย”