บางจากฯ ทุ่มลงทุน 5 หมื่นลบ.ปี68 ลุ้นผลประกอบการโตรับยอดขายเพิ่ม

ผู้ชมทั้งหมด 95 

บางจากฯ หวังผลประกอบการปี 2568 โตกว่าปี 2567 รับยอดขาย-ค่าการกลั่นเพิ่ม ตั้งเป้าหมายมาร์เก็ตแชร์ แตะ 30% พร้อมทุ่ม 50,000 ล้านบาท มุ่งขยายลงทุนธุรกิจก๊าซฯและพลังงานสีเขียวเป็นหลัก เดินหน้าสร้างปั๊มใหม่ 100 แห่ง ขณะที่โรงงานผลิต SAF เตรียม COD ไตรมาส 2 ปีนี้   

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจาก และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP เปิดเผยในงาน Oppday year-end 2024 BCP วันที่ 4 มิ.ย.2568 โดยระบุว่า ในปี 2568 บางจากฯ ตั้งงบลงทุนไว้ที่ 50,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่จะเน้นการลงทุนในธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ อยู่ที่ 20,000 ล้านบาท และธุรกิจ Green Power 20,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะใช้สำหรับธุรกิจโรงกลั่นและเทรดดิ้ง 4,500 ล้านบาท ธุรกิจการตลาด 2,900 ล้านบาท ธุรกิจใหม่ 1,600 ล้านบาท และธุรกิจ Bio-based 1,000 ล้านบาท

โดยความคืบหน้าการลงทุนโครงการพลังงานลม ที่เวียดนาม กำลังผลิต 99 เมกะวัตต์ โครงการนี้จะใช้งบลงทุน 4,500 ล้านบาท แต่ในปีนี้จะใช้เงินจริงอยู่ที่ 1,800 ล้านบาท กำหนดSCOD ครึ่งแรกของปี 2568

ส่วนโครงการเหมืองแร่ ในพื้นที่ตำบลหนองไทร อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา บนพื้นที่สัมปทาน 9,005 ไร่ ที่บางจากฯ ลงทุนในธุรกิจต้นน้ำในประเทศไทยผ่าน บริษัท บีซีวี เอ็นเนอร์ยี จำกัด (บีซีวีอี) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย โดยการเข้าร่วมทุนในบริษัท ไทยคาลิ จำกัด โดยบางจากฯ ถือหุ้น65% จะใช้เงินลงทุนรวม 4,500 ล้านบาทนั้น ในปีนี้จะใช้เงินลงทุนอยู่ที่ 500 ล้านบาท ซึ่งโครงการนี้จะมีกำลังผลิต อยู่ที่ 434,000 ล้านตันต่อปี โดยจะเริ่มรับรู้รายได้ เฟส 1 ตามกำลังผลิต 134,000 ล้านตันต่อปี ช่วงไตรมาส 1 ปี 2571 และเฟส 2 อีก 300,000 ล้านตันต่อปี ช่วงในปี 2572

ขณะเดียวกัน ธุรกิจการตลาด จะเดินหน้าก่อสร้างสถานีบริการน้ำมัน(ปั๊ม) อีก 100 แห่ง จากปัจจุบัน มีอยู่ที่เกือบ 2,200 แห่ง ซึ่งจะเน้นในพื้นที่ที่ยังไม่มีการลงทุนของกลุ่มบางจากฯ พร้อมตั้งเป้าหมายจะมีส่วนแบ่งการตลาด(มาร์เก็ตแชร์) แตะระดับ 30% จากปี 2567 อยู่ที่ 28.9%

ส่วนธุรกิจไฟฟ้าพลังงานสะอาด คาดว่า จะรับรู้รายได้เพิ่มจากโครงการที่มีแผน COD เพิ่มในปีนี้ ประมาณ 389 เมกะวัตต์ แบ่งเป็น โครงการพลังงานลม ในเวียดนาม 99 เมกะวัตต์ และโครงการพลังงานลม ในลาว ที่จะส่งขายไฟฟ้าให้กับเวียดนาม อีก 290 เมกะวัตต์ ซึ่งจะทยอย COD ตั้งแต่ช่วงกลางปีนี้ ไปถึง ปลายปี และจะเป็นส่วนสนับสนุน EBITDA ของบริษัทเพิ่มขึ้น

ขณะที่ธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ  คาดว่าปริมาณการจำหน่ายจะเติบโตขึ้น โดยโรงงานเอทานอล จะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น จากปีนี้ที่คาดว่า ปริมาณฝนจะมากขึ้นส่งผลดีต่อการเพาะปลูกอ้อยและเก็บเกี่ยวได้เพิ่มขึ้น ทำให้ราคาโมลาส และปาล์มดีขึ้น ดังนั้น ปีนี้ธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ จะเป็นปีที่น่าสนใจ และกลุ่มบางจากฯ จะเดินเครื่องการผลิตเอทานอล ทั้ง 3 แห่ง เต็มกำลังผลิต รวมถึงการผลิต B100 ด้วย

รายได้ปีนี้ คาดว่า จะเติบโตกว่าปีก่อน โดยตั้งเป้ายอดขายจะโต Double Digit ส่วน EBITDA และกำไร ถ้าราคาน้ำมันทรงตัวในระดับนี้ และค่าการกลั่น หากทรงตัวไปได้ทั้งปี จาก 2 เดือนแรกปีนี้ เพิ่มขึ้นอยู่ ที่ 5-6 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ก็จะเป็นปีที่น่าจะดีกว่าปีที่แล้วแน่นอน

ทั้งนี้ ในปี 2568 บางจากฯตั้งเป้ามีกำลังการกลั่น แตะ 280,000 บาร์เรลต่อวัน จากปี 2567 อยู่ที่ 258,000 บาร์เรลต่อวัน โดยมียอดขายโต 5% และค่าการกลั่นเฉลี่ยเพิ่มขึ้น อยู่ที่ 5-6 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ คาดว่าปริมาณการขายเติบโตขึ้น 35% อย่างไรก็ตาม บริษัท มีสถานะการเงินแข็งแกร่ง มีเงินสด 29,408 ล้านบาท และมี EBITDA สะสม 40,409 ล้านบาท

ขณะที่โรงงานผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF) วงเงินลงทุนรวม 8,500 ล้านบาท ปัจจุบันการก่อสร้างคืบหน้า 93% จะCOD ในไตรมาส 2 ปีนี้ ด้วยกำลังการผลิต 1 ล้านลิตรต่อวัน โดยประมาณ 60% ของกำลังการผลิตมีลูกค้ารองรับแล้ว 2 ราย ส่วนราคาSAF และค่าการกลั่น คาดว่า จะใกล้เคียงกับราคาน้ำมัน

ส่วนกรณีที่ประชุมคณะกรรมการ บางจากฯ ครั้งที่ 3/2568 มีมติอนุมัติ แผนการปรับโครงสร้างธุรกิจของกลุ่มบริษัทบางจาก ผ่านการทำคำเสนอซื้อหุ้นสามัญทั้งหมดของ บริษัท บางจาก ศรีราชา จำกัด (มหาชน) (BSRC) ที่ถือโดยผู้ถือหุ้นรายอื่น ไม่เกินจำนวน 631,859,702 หุ้น (คิดเป็นร้อยละ 18.3 ของหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วทั้งหมดของ BSRC) โดยแลกกับหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบางจากฯ (Share Swap) ด้วยอัตราการแลกเปลี่ยนหลักทรัพย์ที่ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุนของบางจากฯ ต่อ 6.50 หุ้นสามัญของ BSRC ทั้งนี้ หากมีเศษหุ้นจากการคำนวณหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบางจากฯ จะมีการปัดเศษหุ้นนั้นทิ้ง การทำคำเสนอซื้อหุ้นสามัญดังกล่าวรวมคิดเป็นจำนวนหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบางจากฯ ไม่เกิน 97,209,185 หุ้น โดยจะไม่มีการชำระค่าตอบแทนในรูปแบบของตัวเงิน พร้อมทั้งประกาศแผนการเพิกถอนหุ้นของ BSRC จากการเป็นหลักทรัพย์ จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย คาดว่าแผนการปรับโครงสร้างดังกล่าวจะแล้วเสร็จภายในปี 2568