ผู้ชมทั้งหมด 148
บอร์ด รฟท.ไฟเขียวแก้ไขสัญญาไฮสปีด 3 สนามบิน ปิดช่องทับรอยโฮปเวลล์ คาดลงนามสัญาฉบับใหม่ มิ.ย.นี้ พร้อมออกหนังสือแจ้งเริ่มงานก่อสร้างภายใน 30 วัน กำหนดเสร็จปี 73 ขณะที่ซี.พี.ต้องวางแบงก์การันตีเพิ่ม 1.52 แสนล้านบาท

นายอนันต์ โพธิ์นิ่มแดง รองผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟท.ว่า ที่ประชุมมีมติอนุมัติร่างสัญญาร่วมทุนโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ฉบับแก้ไขตามหลักการของคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) โดยหลังจากนี้ รฟท.จะส่งร่างสัญญาฉบับแก้ไขให้คณะกรรมการกำกับดูแลโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน (คณะกรรมการกำกับสัญญา) ตาม พ.ร.บ. อีอีซี ให้ความเห็นก่อนส่งร่างสัญญาฉบับแก้ไข ให้สำนักงานอัยการสูงสุดตรวจสอบ จากนั้นนำเสนอกลับให้บอร์ดรฟท.รับทราบ ก่อนให้ รฟท. นำเสนอคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) หรือ อีอีซี พิจารณา และนำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติ คาดว่าจะลงนามในสัญญาฉบับแก้ไขได้ประมาณเดือนมิถุนายน 2568
ร่างสัญญาร่วมทุนโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินมีประเด็นหลักในการแก้ไขสัญญาเรื่องเงินที่รัฐร่วมลงทุน จากเดิมที่ให้ดำเนินการแล้วเสร็จค่อยจ่ายเงินปรับแก้ไขเป็นทำไปจ่ายไป โดยรัฐจะต้องชำระเงินตามผลงานการก่อสร้างจริง และเอกชนต้องโอนทรัพยิ์สินให้ รฟท.เมื่อชำระเงินแล้ว เรื่องนี้จะช่วยให้เอกชนเกิดความคล่องตัวในการขอเงินกู้มาดำเนินเพิ่มได้ ทั้งนี้การร่วมลงทุนยังคงเป็นรูปแบบPPP Net Cost ที่เอกชนยังคงเป็นผู้รับความเสี่ยงรายได้จากปริมาณผู้โดยสาร และรายได้เชิงพาณิชย์
นอกจากนี้ภาครัฐจะให้เอกชนวางหลักประกันเพิ่มเติมในส่วนที่ภาครัฐจะต้องชำระเงินตามผลงานการก่อสร้างจริง วงเงินประมาณ 152,165.37 ล้านบาท แบ่งเป็นหลักประกันเพิ่ม 4 กลุ่ม คือ 1. หลักประกันงานโยธา 125,932.54 ล้านบาท 2.หลักประกันงานระบบ 14,813.49 ล้านบาท 3.หลักประกันงานรับประกันคุณภาพบริการ 748.25 ล้านบาท และ4.หลักประกันแอร์พอร์ตลิ้งค์ 10,670.09 ล้านบาท โดยหลักประกันเพิ่มนี้เพื่อให้รัฐสามารถดำเนินโครงการต่อไปได้หากเอกชนมีการยกเลิกสัญญา เพราะรัฐจะได้ทรัพย์สินในส่วนที่จ่ายเงินไปแล้ว
พร้อมกันนี้ยังสามารถหาเอกชนรายใหม่มาดำเนินการต่อไปได้ทันทีจะไม่ค้างเรื่องการฟ้องร้องทรัพย์สินว่าเป็นของใครเพราะยังไม่มีการชำระเหมือนกรณีของโฮปเวลล์ที่ผ่านมา โดยหลักประกันสัญญานี้เอกชนจะต้องนำมาวางภายในเวลา 270 วันหลังจากมีการลงนามในสัญญาฉบับแก้ไขแล้ว ทั้งนี้หลักประกันที่เพิ่มเติมนี้ไม่รวมกับหลักค้ำประกันสัญญาเดิมที่มีอยู่จำนวน 4,500 ล้านบาท และหลักประกันของผู้ถือหุ้นที่มีอยู่แล้วเช่นกันอีก 149,000 ล้านบาท ทั้งนี้หลังจากลงนามในสัญญาฉบับแก้ไขแล้ว รฟท.จะออกหนังสือแจ้งเริ่มงานก่อสร้างภายใน 30 วัน จากนั้นจะใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 5 ปี คาดแล้วเสร็จในปี 2573