ผู้ชมทั้งหมด 5,870
บอร์ด ปตท.อนุมัติเพิ่มกรอบเงินลงทุนปี 2566 อีก 60,254 ล้านบาท จากเดิมตั้งไว้ที่ 33,344 ล้านบาท เป็น 93,598 ล้านบาท ลั่นใช้รองรับคลังLNG แห่งที่ 2 ลุยธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจร และธุรกิจแบตเตอรี่
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยระบุว่า บริษัท ขอเรียนให้ทราบว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ปตท. ครั้งที่ 6/2566 เมื่อวันที่ 21 มิถุนายนที่ผ่านมา ได้ทบทวนแผนการลงทุนของ ปตท. และบริษัทที่ ปตท. ถือหุ้น 100% และอนุมัติให้ปรับแผนการลงทุนสำหรับปี 2566 เพิ่มขึ้นอีก 60,254 ล้านบาท จากเดิมตั้งไว้ที่ 33,344 ล้านบาท เป็น 93,598 ล้านบาท
ทั้งนี้ การทบทวนแผนการลงทุนดังกล่าว ส่วนใหญ่เป็นการเปลี่ยนแปลงการลงทุนในบริษัทที่ ปตท. ถือหุ้น 100% อาทิ เงินลงทุนสำหรับรองรับการร่วมลงทุนของบริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด ในโครงการ LNG Receiving Terminal แห่งที่ 2 ขนาด 7.5 ล้านตันต่อปี และการร่วมลงทุนในธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจร โดยหลักจากโรงงานผลิตยานยนต์ไฟฟ้าของบริษัท ฮอริษอน พลัส จำกัด นอกจากนี้ยังใช้สำหรับลงทุนโรงงานผลิตแบตเตอรี่ในประเทศไทย ของบริษัท อรุณ พลัส จำกัด
ขณะที่การลงทุนในโครงการอื่นๆ ที่เป็นธุรกิจหลัก (Core Business) ของ ปตท. เพื่อสร้างความมนั่ คงทางพลังงานให้กับประเทศยังคงป็นไปตามแผนการลงทุนเดิม อาทิ โรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 7 เพื่อทดแทนโรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 1 รวมทั้งโครงการท่อส่งก๊าซฯ บางปะกง-โรงไฟฟ้าพระนครใต้ และโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบกเส้นที่ 5
สำหรับงบลงทุนใหม่ปี 2566 วงเงิน 93,598 ล้านบาท แบ่งเป็น ใช้สำหรับธุรกิจก๊าซธรรมชาติ เดิมตั้งไว้ที่ 10,023 ล้านบาท ลดลงเหลือ 9,162 ล้านบาท หรือลดลง 861 ล้านบาท ,ธุรกิจท่อส่งก๊าซธรรมชาติ เดิมตั้งไว้ที่ 7,503 ล้านบาท เพิ่มเป็น 7,945 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 442 ล้านบาท ,ธุรกิจการค้าระหว่างประเทศและธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย จากเดิม 863 ล้านบาท เหลือ 769 ล้านบาท หรือลดลง 94 ล้านบาท ,ธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐานและสำนักงานใหญ่ เดิมตั้งไว้ที่ 2,440 ล้านบาท เหลือ 1,943 ล้านบาท หรือลดลง 497 ล้านบาท และการลงทุนในบริษัทที่ ปตท.ถือหุ้น 100% เดิมตั้งไว้ที่ 12,515 ล้านบาท เพิ่มเป็น 73,779 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 61,264 ล้านบาท