ผู้ชมทั้งหมด 47
วิทยุการบินฯ เตรียมนำเทคโนโลยี Digital Tower มาใช้เพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการจราจรทางอากาศรองรับเที่ยวบินเพิ่ม ตั้งเป้ารับ 2 ล้านเที่ยวบินในปี 80 ส่วนปี 68 แตะ 1.2 ล้านเที่ยวบิน

นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ได้มอบหมายให้วิทยุการบินฯ ศึกษาแนวทางในการเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับปริมาณเที่ยวบิน ซึ่งได้ตั้งเป้าหมายการพัฒนาขีดความสามารถ (Capacity) ด้านการบินของประเทศเพื่อรองรับปริมาณเที่ยวบิน 1.2 ล้านเที่ยวบินในปี 2568 และรองรับปริมาณเที่ยวบิน 2 ล้านเที่ยวบินในปี 2580 โดยมุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้งาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจราจรทางอากาศ และการเตรียมความพร้อมให้สอดคล้องกับการเติบโตของอุตสาหกรรมการบินในอนาคต อีกทั้งจะเป็นการขับเคลื่อนไปสู่การเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาคตามนโยบายรัฐบาลและกระทรวงคมนาคม
นายณพศิษฏ์ จักรพิทักษ์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) กล่าวว่า บวท. อยู่ระหว่างพัฒนาแนวทางการใช้งานระบบหอบังคับการบินอัจฉริยะ หรือ Digital Tower ซึ่งเป็นระบบที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการให้บริการจราจรทางอากาศ ช่วยให้เจ้าหน้าที่ควบคุมจราจรทางอากาศสามารถมองเห็นภาพที่สมจริงและครอบคลุมของพื้นที่สนามบิน แก้ปัญหาจุดอับสายตา ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุ และช่วยให้สามารถตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งทำให้เพิ่มระดับความปลอดภัยการใช้งานทางวิ่ง ทางขับ เพิ่มความปลอดภัยในการให้บริการจราจรทางอากาศ และทำให้สามารถรองรับเที่ยวบินได้เพิ่มขึ้นอีก
ทั้งยังสามารถพัฒนารองรับการขยายสนามบินในอนาคตโดยไม่ต้องสร้างหอควบคุมการจราจรทางอากาศใหม่เพิ่มสามารถพัฒนาเป็นหอควบคุมการจราจรทางอากาศสำรอง (Contingency/Backup Tower) รวมถึงพัฒนาเป็นห้องฝึกปฏิบัติจำลอง (3D Simulator) เพื่อใช้ในการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ควบคุมจราจรทางอากาศได้ โดยในระยะแรกมีแผนนำเทคโนโลยี Digital Tower เข้าใช้งาน ณ สนามบินที่มีความหนาแน่นสูง ได้แก่ สนามบินสุวรรณภูมิ ดอนเมืองภูเก็ต เชียงใหม่ หาดใหญ่ และสมุย ในปี 2569 จากนั้นในระยะถัดไปจะเป็นการนำเข้าใช้งานสำหรับสนามบินที่มีปริมาณการจราจรทางอากาศน้อย ในลักษณะ Remote Tower เพื่อช่วยลดภาระในการส่งเจ้าหน้าที่ควบคุมจราจรทางอากาศไปประจำ ณ ท่าอากาศยานนราธิวาส และเบตง ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการได้ในปี 2570
นอกจากนี้ บวท. ยังอยู่ระหว่างดำเนินการเชื่อมต่อข้อมูลระบบบริหารความคล่องตัวการจราจรทางอากาศ หรือ Air Traffic Flow Management (ATFM) และ Airport Collaborative Decision Making (A – CDM) ซึ่งเป็นกระบวนการตัดสินใจร่วมกันของผู้ใช้งาน ผู้ให้บริการ และ ผู้ดำเนินงานสนามบิน เข้าด้วยกัน ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจราจรทางอากาศและการบริหารความคล่องตัวจราจรทางอากาศให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และขยายขีดความสามารถในการรองรับเที่ยวบิน