ผู้ชมทั้งหมด 1,059
“ซีอีโอ ปตท.” เชื่อ “โจ ไบเดน” หนุนพลังงานทดแทนสดใส ขณะที่เชลล์ออยล์-เชลล์แก๊สในอเมริกาจะไม่สดใส คาดแนวโน้มราคาน้ำมันจะอยู่ในระดับ 50 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ส่วนโครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ในสหรัฐฯ PTTGC ยังคงศึกษาลงทุนตามแผน
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยว่า นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนใหม่จะกลับมาให้ความสำคัญกับพลังงานทดแทน (Renewable) และคาดว่าจะส่งเสริมการลงทุนพลังงานทดแทนมากขึ้น นอกจากนี้ยังต้องติดตามว่าจะมีการเก็บภาษีน้ำมัน Fossil หรือไม่อย่างไร ประเด็นเหล่านี้จะส่งผลต่อการผลิตน้ำมันและแก๊สจากชั้นหินดินดาน (shale oil /shale Gas) ในสหรัฐฯให้มีต้นทุนสูงขึ้น และกำลังผลิตจากสหรัฐฯ ก็อาจจะลดลง
อย่างไรก็ตามแม้แนวโน้มธุรกิจผลิตน้ำมันและแก๊สจากชั้นหินดินดานในสหรัฐฯ อาจจะได้รับการส่งเสริมน้อยลง แต่กลุ่มปตท.โดยเฉพาะบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC ที่อยู่ระหว่างศึกษาการลงทุนในโครงการลงทุนปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ในสหรัฐฯ นั้นก็ยังต้องให้เขาศึกษาตามแผนการลงทุนต่อไป
ส่วนกรณีสหรัฐฯ ยกเลิกโครงการท่อส่งน้ำมัน Keystone XL คงไม่ส่งผลกระทบต่อ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP มากนักเพราะโครงการออยล์แซนด์ ยังไม่ได้มีการลงทุนอะไร ขณะเดียวกัน ปตท.สผ.ก็ได้ปรับตัวด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุนมากขึ้น ล่าสุดสามารถลดต้นการผลิตเหลือ 28-29 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และมีเป้าหมายลดเหลือ 25 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จากเดิมอยู่ในระดับ 30 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
ขณะที่แนวโน้มราคาน้ำมันดิบดูไบนั้นในปี 64 ยังคาดว่าจะเฉลี่ยอยู่ใสนระดับ 50 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลบวก-ลบ แต่ก็ขึ้นอยู่ภายใต้เงื่อนไขเศรษฐกิจโลกกลับมาฟื้นตัวหรือไม่ วัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ใช้ได้ผลดี และจะสามารภควบคุมการระบาดได้มากน้อยเพียงใด ขณะเดียวกันกลุ่มโอเปก หรือกลุ่มโอเปกพลัสจะต้องไม่เกิดการขัดแย้งกัน และสามารถควบคุมราคาน้ำมันไม่ให้ผันผวน แต่ก็เชื่อว่าราคาน้ำมันดิบคงไม่กลับไปเท่าปี 61 ที่อยู่ในระดับ 70 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล