ผู้ชมทั้งหมด 654
ซีอีโอปตท. ให้จับตา! บอร์ดปตท. พรุ่งนี้ เคาะแนวทางช่วยค่าไฟฟ้ากลุ่มค่าไฟฟ้าไม่เกิน 500 หน่วย/เดือน 4 เดือนรวม 6,000 ล้านบาท ชี้อาจใช้วิธีบริหารลดต้นทุนพลังงานมาช่วยเหลือ ส่วนทิศทางราคาน้ำมันปีหน้าประเมิน 85-95 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เหตุปัจจัยเศรษฐกิจโลกถดถอย ปัจจัยด้านสงครามรุนแรงลดลง
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยกรณีที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ให้ปตท. ช่วยตรึงค่าไฟฟ้าช่วยเหลือภาคครัวเรือนที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 500 หน่วย/เดือนเป็นเวลา 4 เดือน เริ่มเดือน ม.ค. – เม.ย. 66 รวม 6,000 ล้านบาท โดยระบุว่า พรุ่งนี้ (27 ธ.ค.65) ปตท.จะมีการประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ (บอร์ด) เพื่อพิจารณาแนวทางการช่วยเหลือค่าไฟฟ้า ซึ่งในเบื้องต้นอาจจะไม่จำเป็นต้องให้เป็นตัวเงิน 6,000 ล้านบาท โดยอาจจะใช้วิธีการบริหารจัดการลดต้นทุนพลังงานแล้วใช้ส่วนนี้มาช่วยกลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าภาคครัวเรือนที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 500 หน่วย/เดือน ซึ่งการดำเนินการก็ได้พิจารณาไม่ให้กระทบต่อผลการดำเนินงานของกลุ่มปตท. พรุ่งนี้จะได้ข้อสรุปแนวทางการช่วยเหลือ
อย่างไรก็ตามในปีหน้าหากทิศทางค่าพลังงานยังคงอยู่ในระดับสูงนั้นการช่วยเหลือราคาพลังงานของปตท. ก็ยังดูแล และสร้างความสมดุลกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียไม่ว่าจะเป็นผู้ถือหุ้น ลูกค้า และประชาชน ดังนั้นการช่วยเหลือยังคงมีแต่ก็คงไม่ถึงระดับการช่วยเหลือที่ทำให้เกิดผลกระทบต่อผลการดำเนินการงานของปตท.เหมือนที่ผ่านมา
นายอรรถพล กล่าวถึงทิศทางราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกในปี 2566 ว่า ปี 2565 ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยที่ระดับ 96 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ส่วนในปี 2566 ปตท.มองแนวโน้มลดต่ำกว่าปีนี้ ประเมินเฉลี่ยในระดับ 85 – 95 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เนื่องจากเศรษฐกิจโลกที่ไม่ได้เติบโตมาก ภาวะสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนก็อาจจะไม่ได้สร้างความตื่นตระหนกอะไรมากเหมือนกับปีนี้ที่มีความรุนแรงและส่งผลกระทบต่อราคาพลังงาน
สำหรับแผนลงทุนของกลุ่ม ปตท. ปี 2566 รวมจำนวน 2 แสนล้านบาท ซึ่งในส่วนของบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP จะเน้นการผลิตก๊าซฯในอ่าวไท่ยตามแผน โดยเฉพาะแปลง G1/61 (เอราวัณ) เพื่อให้เป็นไปตามเป้าที่ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันภายในเดือน เม.ย.2567 จากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 200 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน
ขณะที่บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เน้นเรื่องการปรับปรุงและขยายสถานีบริการน้ำมัน ส่วนกลุ่มโรงกลั่น ทั้งบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP และบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC จะเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ขณะที่บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC จะเน้นการลงทุนในธุรกิจHigh Value Business (HVB) มากขึ้น และบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC จะเน้นการลงทุนพลังงานทดแทนมากขึ้น
พร้อมกันนี้ นายอรรถพล ยังกล่าวถึงการลงทุนในเมียมาว่า การลงทุนในประเทศเมียมานั้น ปตท.ไม่ได้ลงทุนเพิ่มอยู่แล้วตั้งแต่หลังจากเกิดปัญหารัฐประหารในเมียมา ส่วนกรณีการลงทุนของ ปตท.สผ. ในแหล่งก๊าซธรรมชาติในเมียมาอย่างแหล่งยาดานาเป็นการลงทุนในสัญญาระยะยาว ซึ่งเป็นการการดูแลความเป็นอยู่ของประชาชนชาวเมียมา เพราะว่าก๊าซจากแหล่งยาดานาปั่นไฟฟ้าให้ประชาชนเมียมากว่า 50%