ผู้ชมทั้งหมด 80
ครม. เห็นชอบเสนอ “ร่างกฎกระทรวงการคลังกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่..) พ.ศ. …. กำหนดกลไกราคาคาร์บอนในพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมัน” อัตรา 200 บาทต่อตัน ยันไม่ส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมัน
นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (21 ม.ค. 2568) เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลัง เสนอ “ร่างกฎกระทรวงการคลังกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่..) พ.ศ. …. กำหนดกลไกราคาคาร์บอนในพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมัน” ที่มีสาระสำคัญ เป็นการกำหนดให้มีกลไกราคาคาร์บอนในพิกัดภาษีสรรพสามิต ที่เก็บจากสินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน โดยรวมไว้ในภาษีสรรพสามิตในปัจจุบัน
สำหรับสินค้าที่กำหนดกลไกราคาคาร์บอน ได้แก่ น้ำมันเบนซินและน้ำมันที่คล้ายกัน (รวมถึงน้ำมันกลุ่มแก๊สโซฮอล์ประเภทต่างๆ) ,น้ำมันก๊าดและน้ำมันที่จุดให้แสงสว่างที่คล้ายกัน, น้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องบินไอพ่น,น้ำมันดีเซลและน้ำมันอื่น ๆ ที่คล้ายกัน ซึ่งรวมถึงน้ำมันดีเซลที่มีไบโอดีเซลผสมอยู่ประเภทต่าง ๆ เช่น น้ำมันดีเซล B5 น้ำมันดีเซล B7 และน้ำมันดีเซล B10,ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ก๊าซโพรเพรน และก๊าซที่คล้ายกัน,น้ำมันเตาและน้ำมันที่คล้ายกัน
ทั้งนี้ เพื่อสร้างความตระหนักให้ประชาชนในสังคมมีการปรับตัวและเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพื่อรองรับการพัฒนาประเทศที่ยั่งยืน โดยไม่ทำให้ราคาน้ำมันหรือผลิตภัณฑ์น้ำมันมีราคาเพิ่มขึ้น ซึ่งเบื้องต้นมีการกำหนดราคาคาร์บอนที่ 200 บาทต่อตันคาร์บอนเทียบเท่า โดย ร่างกฎหมายฯ ดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้หลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
นอกจากนี้ ในที่ประชุมครม.ฯ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้สอบถามว่า ร่างกฎกระทรวงฯ ดังกล่าวจะมีผลกระทบต่อราคาน้ำมันหรือไม่ ซึ่ง อธิบดีกรมสรรพสามิต ยืนยันว่าไม่กระทบ และยังทำให้เกิดความรับผิดชอบต่อสังคมในเรื่องคาร์บอนฯ ที่จะปล่อยออกมาจากน้ำมันด้วย