ผู้ชมทั้งหมด 684
คมนาคม เร่งผลักดัน พ.ร.บ. SEC เสนอครม. ก.ย. 67 หนุนการลงทุนโครงการแลนด์บริดจ์ ชี้นักลงทุนต่างชาติสนใจจำนวนมากหลังโรดโชว์ 7 ประเทศ คาดรูปแบบ แผนการลงทุนเสร็จปีนี้ พร้อมเปิดประมูลปลายปี 68
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานเปิดการสัมมนาจัดการทดสอบความสนใจจากภาคเอกชน (Market Sounding) โครงการศึกษาความเหมาะสม ออกแบบเบื้องต้น ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและวิเคราะห์รูปแบบโมเดลการพัฒนาการลงทุน (Business Development Model) โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทย และอันดามัน (โครงการแลนด์บริดจ์) ที่จัดขึ้นโดยกระทรวงคมนาคม และสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) โดยมีตัวแทนจากภาคธุรกิจเอกชน กลุ่มสถาบันการเงิน กลุ่มนักลงทุน สถานทูต ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ และสมาคมการค้าทั้งในประเทศและ ต่างประเทศ ร่วมงานเป็นจำนวนมาก
อย่างไรก็ตามการเปิดรับฟังความคิดเห็นในครั้งนี้นักลงทุนได้ร่วมแสดงความคิดเห็น และเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ต่อโครงการในประเด็นสำคัญต่าง ๆ เช่น ความคุ้มค่าทางด้านการลงทุน ค่าใช้จ่ายในการขนส่งสินค้า ระยะเวลาในการขนส่งถ่ายสินค้าระหว่างสองท่าเรือ และมีแนวทางการรองรับด้านผลกระทบสิ่งแวดล้อม ระบบนิเวศ และวิถีชีวิตของชุมชนในพื้นที่โครงการ เป็นต้น
นางมนพร กล่าวว่า การจัดเวทีเปิดรับฟังความคิดเห็นในครั้งนี้เป็นขั้นตอนหนึ่งที่มีความสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาโครงการกระทรวงคมนาคม และสนข. ต้องการประเมินศักยภาพตลาด และความสนใจของภาคเอกชน พร้อมทั้งเปิดรับฟังความคิดเห็น และข้อเสนอแนะอันเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาโครงการ เพื่อนำมาปรับปรุงรูปแบบการลงทุนให้มีความเหมาะสมมากที่สุด ซึ่งการรับฟังความเห็นครั้งนี้ยังจะนำไปสู่การปรับปรุงกฎหมายที่กำลังร่างอยู่คือ ร่างพ.ร.บ.ระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ (SEC)
ทั้งนี้แผนการลงทุนพัฒนาโครงการแลนด์บริดจ์นั้นต้องดำเนินการควบคู่กับการออกร่าง พ.ร.บ. SEC ด้วย เพื่อให้แผนการลงทุน และร่างพ.ร.บ. แล้วเสร็จพร้อมกัน โดยคาดว่าจะสามารถนำเสนอร่าง พ.ร.บ. SEC ให้กับคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาได้ประมาณเดือนกันยายน 2567 จากนั้นจะนำเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ซึ่งในขั้นตอนนี้คาดว่าจะใช้ระยะเวลาอย่างน้อย 1 ปีในการจัดตั้ง SEC ส่วนแผนและรูปแบบการลงทุนโครงการแลนด์บริดจ์คาดว่าจะแล้วเสร็จปลายปีนี้ และคาดว่าจะสามารถเปิดประมูลได้ตามแผนในปลายปี 2568 อย่างแน่นอน
นางมนพร กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมากระทรวงคมนาคมได้เดินหน้าจัดประชาสัมพันธ์โครงการแลนด์บริดจ์ให้นานาประเทศได้รู้จักโครงการและดึงภาคเอกชนที่มีศักยภาพเข้ามาร่วมลงทุน โดยได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากหลายประเทศ เช่น ประเทศสหรัฐอเมริกา อิตาลี ฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์ จีน ญี่ปุ่น และประเทศฝั่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกกลาง
นายปัญญา ชูพานิช ผู้อำนวยการ สนข. กล่าวว่า สำหรับรายละเอียดรูปแบบการลงทุนในโครงการแลนด์บริดจ์ในเบื้องต้นนั้นจะให้สิทธิผู้สนใจลงทุนมีสิทธิประมูลโครงการเป็น Single Package ในระยะเวลา 50 ปี ได้แก่ ท่าเรือ 2 แห่ง (ท่าเรือชุมพรและท่าเรือระนอง) โครงสร้างพื้นฐานเชื่อมต่อ ได้แก่ ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองและทางรถไฟ รวมทั้งพื้นที่พัฒนาเชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม แต่สามารถร่วมกันลงทุนได้ในรูปแบบกิจการร่วมค้า (Joint Venture) หรือการร่วมกันในลักษณะกลุ่มบริษัท (Consortium)
โดยรูปแบบการลงทุนจะเป็นรูปแบบ PPP Net Cost โดยภาครัฐจะเป็นผู้รับผิดชอบในการให้สิทธิประโยชน์แก่ภาคเอกชน พร้อมทั้งจัดหาพื้นที่และการเวนคืนให้สำหรับโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ท่าเรือ เส้นทางเชื่อมโยงต่าง ๆ โดยภาคเอกชนผู้ลงทุนต้องเป็นผู้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเองทั้งหมด และดำเนินการบริหารจัดการ ขณะที่การลงทุนนั้นตามแผนในเบื้องต้นจะแบ่งการลงทุนออกเป็น 3 ระยะ (เฟส) เฟส1 เป็นการลงทุนทั้งระบบ คือ ท่าเรือ ระบบรถไฟ มอเตอร์เวย์ โดยท่าเรือในเฟส 1 รองรับตู้สินค้า 6 ล้านทีอียู ตามกำหนดการเปิดให้บริการในปี 2573 หลังจากนั้นจะลงทุนขยายท่าเรือในเฟส 2 เพิ่มอีก 6 ล้านทีอียู และในเฟส 3 เพิ่มอีก 8 ล้านทีอียู รวมทั้ง 3 เฟสจะทำให้รองรับตู้สินค้าได้ 20 ล้านทีอียูในปี 2582
ทั้งนี้จากการประเมินมูลค่าลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเบื้องต้นที่ผู้ลงทุนต้องใช้ในการพัฒนาโครงการมีมูลค่าลงทุนประมาณ 1.001 ล้านล้านบาท โดยแบ่งเป็น ท่าเรือฝั่งระนอง ประมาณ 330,810 ล้านบาท ท่าเรือฝั่งชุมพร ประมาณ 305,666 ล้านบาท และโครงสร้างพื้นฐานการเชื่อมต่อ ได้แก่ ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองและทางรถไฟ รวมประมาณ 358,517 ล้านบาท (เป็นราคาประเมิน ณ ปี พ.ศ. 2566 โดยไม่ได้รวมเงินเฟ้อ) ซึ่งจากการประเมินอัตราผลตอบแทนภายในทางการเงิน (FIRR) ที่ผู้ลงทุนจะได้รับจากโครงการในเบื้องต้น เท่ากับ 8.62%